รีเซต

ปลัดคลังระบุ จีดีพีปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึง 3% ผลกระทบนโยบายภาษีทรัมป์

ปลัดคลังระบุ จีดีพีปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึง 3% ผลกระทบนโยบายภาษีทรัมป์
ทันหุ้น
29 เมษายน 2568 ( 15:28 )
8

#ทันหุ้น-ปลัดกระทรวงการคลังระบุ จีดีพีปีนี้อาจขยายตัวไม่ถึง 3% เนื่องจากได้รับผลกระทบนโยบายภาษีของทรัมป์ รับมีแผนกู้เงิน 5 แสนล้านรับมือ พร้อมจี้กนง.ลดดอกเบี้ยช่วยพยุงเศรษฐกิจ

 

นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง คาดว่าตัวเลข  GDP ในปีนี้ คงไม่สามารถขยายตัวได้ถึง 3 % ตามเป้าหมาย จากผลกระทบของนโยบายภาษีของทรัมป์ การที่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกสองประเทศคือ จีนกับสหรัฐ มีปัญหากัน ย่อมส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจไทย ซึ่งตนคาดว่า GDP ในปีนี้ของไทยที่กระทรวงการคลัง คาดไว้ว่าปีนี้จะสามารถขยายตัวได้ 3 % คงเป็นไปได้ยาก แต่เราจะทำอย่างไรให้ GDP ในปีนี้ ให้สามารถขยายตัวได้ใกล้เคียงกับ 3 % ให้ได้มากที่สุด

 

เขากล่าวว่า  สำนักงาน Research house บางแห่งประเมินว่าเศรษฐกิจไทย ในปีนี้จะขยายตัวแค่ 0.5 % หรือ 1%  ซึ่งตนเห็นว่า มันเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบอย่างชัดเจน เพราะจนถึงขณะนี้ยังไม่รู้ว่าผลการเจรจาทางการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ จะออกมาอย่างไร ทางสหรัฐจะจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าไทยในอัตราเท่าไหร่ และจัดเก็บสินค้าตัวใดบ้างหรือจัดเก็บทุกตัว

 

ทั้งนี้ การเจรจากับสหรัฐ เดิมคือปัญหาที่สหรัฐยกขึ้นมาคุยคือเรื่องการขาดดุลการค้าของสหรัฐต่อประเทศต่างๆ แต่จริงๆแล้ว สหรัฐ ไม่ได้มองมิติด้านเศรษฐกิจการค้าเท่านั้น แต่ยังมองในมิติอื่นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องนโยบายด้านต่างประเทศ,นโยบายเรื่องความมั่นคง ทำให้ต้องมีหลายกระทรวงเข้ามาเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากกระทรวงการคลัง ที่รมว.คลัง เป็นหัวหน้าทีมเจรจา

 

ในเรื่องนโยบายการเงินนั้น,นายลวรณ กล่าวว่า เชื่อว่า กนง.ได้รับข้อมูลใหม่ ในการที่จะใช้นโยบายดอกเบี้ย ช่วยรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจ ซึ่งก็คาดหวังว่า กนง.จะลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อช่วยประคองเศรษฐกิจ ซึ่งในหลายประเทศก็เริ่มมาในทิศทางนี้ คือการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยช่วยดูแลเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง

 

สำหรับเรื่องแนวคิดการกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น นายลวรณ กล่าวว่า ตัวเลข 5 แสนล้านบาท เป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญก่อนที่จะรู้ว่าต้องกู้เท่าไหร่นั้น เราจำเป็นต้องรู้ก่อนว่า เราจะเอาเงินกู้ไปใช้ทำโครงการอะไร และต้องใช้เงินในแต่ละโครงการเท่าไหร่ และเรามีงบประมาณเท่าไหร่ และยังขาดอีกเท่าไหร่ ส่วนที่ขาดนั้นเราจึงขอกู้

 

ส่วนกรณีที่ IMF เป็นห่วงการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะของไทยหากมีการกู้เพิ่มเติมนั้น นายลวรณ กล่าวว่า  การเป็นหนี้ไม่ใช้เรื่องที่น่ากลัว แต่ต้องรู้ว่าเราจะกู้ไปทำอะไร และเรามีความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามกำหนดหรือไม่

 

ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุม ครม.เมื่อวานนี้ว่า  ในเรื่องการเจรจากับสหรัฐอเมริกานั้น  นายกรัฐมนตรีมีข้อสั่งการว่า สำหรับกรอบความร่วมมือในภูมิภาค โดยเฉพาะ ASEAN นั้น จะมีการเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ  ท่ามกลางกระแสการแข่งขันทางเศรษฐกิจ และความไม่แน่นอนของการบังคับใช้นโยบายภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าและการส่งออกของหลายประเทศ  ผู้นำหลายประเทศใน ASEAN เช่น มาเลเซีย และกัมพูชา ได้มีการหารือกันในเรื่องนี้และมีความเห็นว่า ประเทศสมาชิกในอาเซียนควรร่วมมือกัน  โดยใช้จุดแข็งของแต่ละประเทศ หาข้อได้ดีที่สุดในภาพรวม ซึ่งจะทำให้ผลการพูดคุยไม่ได้เป็นของประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่จะเป็นของประเทศสมาชิกในอาเซียนด้วยกัน เช่นจุดแข็งด้านทรัพยากรธรรมชาติ / การเชื่อมโยงเครือข่ายการขนส่ง / ศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์

       

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้  กระทรวงการต่างประเทศ  กระทรวงพาณิชย์  กระทรวงการคลัง และ คณะทำงาน ด้านนโยบายการค้าอเมริกา รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และรวบรวมมาตรการ ที่จะเป็นจุดแข็งของประเทศอาเซียนต่อไป

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง