โฆษกรัฐบาล เผย 3 กลุ่มเปราะบางขอบคุณนายกฯ สร้างความมั่นคงในชีวิต โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
เมื่อวันที่ 11 เมษายน นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตาม 10 มาตรการด่วน เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือน ครอบคลุมประชากรกลุ่มเป้าหมายราว 40 ล้านคนนั้น ในส่วนของการดูแลกลุ่มเปราะบาง กรมบัญชีกลาง ได้มีการจ่ายเงินเข้าบัญชีโดยตรง เพื่อช่วยเหลือค่าครองชีพให้กับกลุ่มเปราะบาง 3 กลุ่ม ในรอบเดือนเมษายน 2565 แล้วเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา
ได้แก่ 1. เบี้ยผู้สูงอายุ 600 – 1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ 2. เงินอุดหนุนเด็ก 600 บาท 3. เบี้ยผู้พิการ 800 – 1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ โดยทั้ง 3 กลุ่มเปราะบางได้ขอบคุณนายกฯ ที่ห่วงใยประชาชน สั่งการ กำกับ ติดตามมาตรการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้กับพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ตามนโยบายของนายกฯ
นายธนกร กล่าวว่า นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ติดตามเรื่องราวการสู้ชีวิตของ “ช่างเก้า” หรือ นายนพเก้า นาแป้น อายุ 48 ปี ชายพิการครึ่งท่อนแต่กำเนิดและมีนิ้วมือ 9 นิ้ว ที่ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา ยึดอาชีพช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยเปิดร้านเป็นเพิงเล็กๆ ที่ต.คลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี มาเป็นเวลาหลายปี แม้ขณะนี้ประสบปัญหามีลูกค้าน้อยลงเนื่องจากพิษเศรษฐกิจโควิด แต่ก็ไม่คิดที่จะยอมแพ้ พร้อมจะสู้เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว
ซึ่งนายกฯ ชื่นชมในความสามารถของนายนพเก้า ที่เป็นตัวอย่างของการดำเนินชีวิตต่อสู้ชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรี ทั้งยังเป็นผู้มีทัศนคติที่ดี มองโลกในแง่บวก ทำตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม ถึงแม้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์ แต่จิตใจยังคิดสู้ ไม่ท้อถอยต่อโชคชะตา โดยนายกฯ ได้สั่งการให้กรมการทหารช่าง กองทัพบก จัดกำลังพลเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลปรับปรุงบ้านที่อยู่อาศัยของนายนพเก้า ให้มีความมั่นคงแข็งแรง สามารถอยู่อาศัยกับครอบครัวได้อย่างปลอดภัย พร้อมกับส่งกำลังใจให้นายนพเก้าดำรงตนเป็นคนดีมีคุณภาพของสังคมตลอดไป
“นายกฯ มีความห่วงใยและใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง ซึ่งนายกฯ ย้ำเสมอว่า นโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศไปสู่ความมั่นคงในระยะยาว คือการสร้างความเสมอภาคเท่าเทียมกันในสังคม สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจ ให้ประชาชนทุกกลุ่มได้มีโอกาส และมีความเท่าเทียมในการเข้าถึงสวัสดิการของรัฐ เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ยืนยันว่า รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าให้ความช่วยเหลือ ดูแลผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบางต่างๆ ต่อไป พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาหนี้ครัวเรือนทุกกลุ่มให้ครอบคลุมทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลกำลังเดินหน้าทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับการโอนเงิน “เยียวยากลุ่มเปราะบาง” จากภาครัฐ 3 กลุ่ม ประจำเดือน เมษายน 2565 กรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ได้โอนเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เบี้ยความพิการ และเงินอุดหนุนบุตร เข้าบัญชีแก่ผู้ที่ได้สิทธิ ซึ่งในเดือน เมษายน 2565 มีการโอนเงินเข้าบัญชีในวันที่ 8 เมษายน 2565 ซึ่งเร็วกว่าปกติ เนื่องจากวันที่ 10 เมษายน 2565 ตรงกับวันหยุดราชการ โดยมีการโอนเงินในกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1. เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท ต่อเด็ก 1 คน (ครอบครัวรายได้น้อย เฉลี่ยไม่เกิน 1 แสนบาทต่อคนต่อปี) 2. เยียวยากลุ่มเปราะบาง เบี้ยผู้สูงอายุ 600-1,000 บาทเข้าบัญชีธนาคาร ตามเกณฑ์อายุ 3. เยียวยากลุ่มเปราะบาง เบี้ยผู้พิการ 800-1,000 บาท ตามเกณฑ์อายุ
โดยผู้พิการที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะได้รับเงินเบี้ยผู้พิการ โอนเข้าบัญชีผู้พิการคนละ 800 บาท และได้เงินพิเศษ 200 บาท โอนเข้าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วงวันที่ 22 เมษายน สำหรับปฏิทินจ่ายเงิน “เยียวยากลุ่มเปราะบาง” ในอีก 5 เดือนที่เหลือของปีงบประมาณ 2565 เป็นดังนี้ เดือน พฤษภาคม 2565 วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม 2565 เดือนมิถุนายน 2565 วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2565 เดือน กรกฎาคม 2565 วันศุกร์ที่ 8 กรกฎาคม 2565 เดือน สิงหาคม 2565 วันพุธที่ 10 สิงหาคม 2565 และเดือน กันยายน 2565 วันศุกร์ที่ 9 กันยายน 2565