รีเซต

STANLYคงเป้ายอดขายโต10% ขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตอีวี

STANLYคงเป้ายอดขายโต10% ขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตอีวี
ทันหุ้น
14 กันยายน 2565 ( 12:44 )
91
STANLYคงเป้ายอดขายโต10% ขยายฐานลูกค้ากลุ่มผู้ผลิตอีวี

#STANLY #ทันหุ้น – STANLY เผยคำสั่งผลิตรถรุ่นใหม่ทั้งรถ 4 ล้อและ 2 ล้อสูงมาก แต่ห่วงสถานการณ์ขาดแคลนชิพ กังวลจะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันกำลังผลิตอีกครั้ง จัดทีมเดินสายเจรจาผู้ผลิต EVที่จะเข้ามาตั้งโรงงานผลิตในไทย 2-3 ราย มั่นใจเป็น New S-Curveของบริษัทในอนาคต

 

นายอภิชาติ ลี้อิสสระนุกูล รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยสแตนเลย์การไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ STANLY เปิดเผยภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ว่า ผู้ประกอบการติดตามสถานการณ์ปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนและเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ) ที่อาจกลับมาเป็นปัจจัยกดดันการผลิตรถยนต์ในช่วงไตรมาส 3/2565/2566 (ก.ค.-ก.ย.2565) ได้ อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่ายอดขายปีนี้ (งบปี 2565/2566 ระหว่าง เม.ย.65-มี.ค.66) เติบโต10-15% YoY

 

ปัญหาชิพขาดยังน่าห่วง

“สถานการณ์ขาดแคลนชิพเริ่มจะกลับมาสร้างแรงกดดันให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ เพราะรถรุ่นใหม่ๆ ในหนึ่งคันใช้ชิพเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่คำสั่งต่อรถใหม่จากทุกค่ายรถที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ที่มีกำหนดเปิดตัวในงานมหกรรมใหญ่ส่งท้ายปี ผู้ประกอบการแต่ละค่ายคงต้องวางแผนบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ”

 

สำหรับค่ายรถจากยุโรป และญี่ปุ่นที่จะทยอยเข้ามาตั้งโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทย ตามมาตรการสนับสนุนภาครัฐฯ ที่เปิดโอกาสให้นำยานยนต์ไฟฟ้าเข้ามาจำหน่ายในช่วง 2 ปีแรก และต้องเริ่มผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในไทยในปีที่ 3 ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 `หรือเท่ากับจำนวนที่นำเข้ามาขายในช่วง 2 ปีแรกนั้น คาดว่ากลุ่มรถจักรยานยนต์จะประสบความสำเร็จก่อนกลุ่มรถ 4 ล้อเนื่องจากใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก ชาร์จง่าย และสามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ทันที

 

ส่วนกลุ่มรถ 4 ล้อนั้นคาดว่ายังต้องใช้ระยะเวลาทดสอบความนิยมของตลาดไทยทั้งขนาดรถ, รูปโฉม ฯลฯ ควบคู่กับการขยายจุดชาร์จไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ การพัฒนาจุดชาร์จให้สามารถชาร์จกระแสไฟได้เร็วขึ้น ฯลฯ อย่างไรก็ตามบริษัทได้เริ่มเจรจากับค่ายรถ EVที่มีแผนเข้ามาผลิตในไทยแล้ว 2-3 ราย เพื่อสร้าง New S-Curveให้กับบริษัทในอนาคต

 

ศึกษาตลาดEV

“การที่รัฐบาลเปิดโอกาสให้นำรถ EVประกอบแล้วทั้งคันเข้ามาจำหน่ายถือเป็นการทดลองตลาด ในหลายๆด้าน ทั้งขนาดที่เหมาะสม บอร์ดี้รถที่จะถูกใจกลุ่มเป้าหมายไทย ดังนั้นกว่าผู้ผลิตจะสรุป และวางแผนการผลิตได้คงต้องใช้เวลา ต่างจากรถจักรยานยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก สามารถซื้อใหม่ใส่ได้เลย หรือหากชาร์จก็ใช้เวลาน้อยกว่าสามารถชาร์จได้ที่บ้านที่คอนโดฯ ได้ อีกทั้งในการประกอบก็ใช้ชิพน้อยกว่า ด้วยดังนั้นการเปลี่ยนผ่านจะเกิดจากรถจักรยานยนต์ก่อน”

 

โดยปัจจุบัน บริษัทยังคงได้รับคำสั่งผลิตใหม่อย่างต่อเนื่องทั้งการปรับโฉมรถทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคล – รถกระบะ, คำสั่งผลิตไฟส่องสว่างรถมอเตอร์ไซด์รุ่นใหม่ๆ หลายรุ่น ทั้งรถที่ใช้พลังงานน้ำมัน และรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เตรียมเปิดตัวอีกหลายค่าย

 

พร้อมกันนี้บริษัทสามารถส่งออกหลอดไฟส่องสว่างออกไปจำหน่ายในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะประเทศปากีสถาน, อินเดีย ฯลฯ เนื่องจากลูกค้าพอใจในคุณภาพผลิตภัณฑ์ของบริษัท จึงถือเป็นฐานการตลาดให้สามารถขยายเข้าสู่ประเทศใกล้เคียงได้อย่างต่อเนื่อง

 

“ปัจจุบันรถมอร์เตอร์ไซด์ใหญ่ที่ระดับราคา 5-7 หมื่นบาทได้รับความนิยมมากขึ้น ทำให้การใช้ไฟหน้า ไฟท้ายรวมถึงไฟเลี้ยวอัจฉริยะที่ปรับการส่องสว่างได้ตามแฮน มีมากขึ้น เช่นเดียวกับรถกระบะที่พัฒนาการออกแบบไฟส่องสว่างให้เหมือนกับรถยนต์ รวมถึงการนำรถกระบะมาแต่งให้ใกล้เคียงกับรถสปอร์ต หรือรถ SUV ทำให้บริษัทมียอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วถึงกว่า 10%และเป็นกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่ติดไปกับตัวรถ”

 

แนะ “ซื้อ” เป้า 212บาท

บริษัท หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ ยังคงแนะนำ “ซื้อ” STANLYราคาเหมาะสม 212 บาท แม้ปัญหาการขาดแคลนชิปยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อผลการดำเนินงานในช่วงถัดไป แต่เบื้องต้นยังอยู่ในสมมติฐานที่คาดไว้ก่อนหน้า

 

อีกทั้ง STANLY ยังได้เปรียบในเรื่องผลิตภัณฑ์ไฟส่องสว่างเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในอุตสาหกรรมยานยนต์ทุกยุคทุกสมัย จึงยังคงประมาณการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2565/2566 ที่ 1,551 ล้านบาท ทั้งนี้หากสถานการณ์ขาดแคลนชิพคลี่คลายลง ยอดขายจะเร่งตัวขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากคำสั่งซื้อที่รออยู่ในปริมาณมาก

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง