WHO ไฟเขียวใช้ฉุกเฉินวัคซีน "ซิโนแวค" ป้องกันโรคโควิด-19

วันนี้ (2 มิ.ย.64) องค์การอนามัยโลก หรือ WHO อนุมัติการใช้วัคซีน ซิโนแวค (Sinovac) ต้านไวรัสโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินแล้ว นับเป็นวัคซีนจีนตัวที่ 2 ที่ได้รับไฟเขียวจาก WHO ให้ใช้ป้องกันโควิด ต่อจากซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ซึ่งเท่ากับเป็นการเปิดประตูรับวัคซีนซิโนแวกซ์ เพื่อใช้ในโครงการแบ่งปันวัคซีนให้ชาติที่มีรายได้น้อยและปานกลาง “โคแวกซ์” (Covax) ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อการเข้าถึงวัคซีนที่เท่าเทียม และยุติธรรมทั่วโลก

ทั้งนี้ วัคซีน Sinovac ซึ่งมีใช้อยู่ในหลายประเทศแล้วในขณะนี้ ได้รับคำแนะนำให้ใช้กับกลุ่มคนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ด้วยการฉีด 2 โดส ห่างกัน 2 ถึง 4 สัปดาห์ 

WHO แถลงว่า การอนุมัติใช้เป็นกรณีฉุกเฉินหมายความว่า วัคซีนตัวนี้ “ได้มาตรฐานสากล เรื่องความปลอดภัย, ประสิทธิภาพในการป้องกันโรค และการผลิต” โดยผลการศึกษาพบว่า ซิโนแวคสามารถป้องกันไวรัสโควิดในรายที่แสดงอาการมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้รับวัคซีน และป้องกันอาการป่วยรุนแรงและเข้าโรงพยาบาลได้ 100% จากผลการศึกษา

WHO หวังว่า การตัดสินใจไฟเขียววัคซีนจีนเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน จะช่วยส่งเสริมโครงการ Covax ซึ่งกำลังดิ้นรนอย่างหนักในการจัดหาวัคซีน ที่กำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ 

มารีอันเกลา ซิเมา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ WHO ฝ่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ กล่าวว่า โลกต้องการวัคซีนโควิด-19 หลายตัวเพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงวัคซีนอย่างไม่เท่าเทียมทั่วโลก เธอบอกว่า เราต้องการให้บริษัทผู้ผลิตต่าง ๆ เข้าร่วมโครงการ Covax แบ่งปันความรู้และข้อมูล และมีส่วนร่วมในการควบคุมการระบาดของไวรัส

นอกจากจีนแล้ว วัคซีนซิโนแวคยังใช้อยู่ในหลายประเทศ รวมทั้งชิลี, บราซิล, อินโดนีเซีย, เม็กซิโก, ไทยและตุรกี จีนจัดส่งวัคซีนซิโนแวคแล้วมากกว่า 600 ล้านโดส ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม และยังบอกด้วยว่า ฉีดให้ประชาชนไปแล้วมากกว่า 430 ล้านโดส 

หนึ่งในผลดีของวัคซีนตัวนี้ คือสามารถเก็บไว้ในในอุณหภูมิตู้เย็นมาตรฐาน ที่ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งหมายความว่า ซิโนแวคเป็นประโยชน์อย่างมากต่อประเทศกำลังพัฒนา ที่อาจไม่สามารถเก็บวัคซีนจำนวนมากไว้ในอุณหภูมิต่ำได้