รีเซต

รู้จัก 6 โลหะหนัก อันตรายแฝงในภาชนะสแตนเลส ตัวการก่อมะเร็ง

รู้จัก 6 โลหะหนัก อันตรายแฝงในภาชนะสแตนเลส ตัวการก่อมะเร็ง
TNN ช่อง16
17 เมษายน 2567 ( 19:43 )
77
รู้จัก 6 โลหะหนัก อันตรายแฝงในภาชนะสแตนเลส ตัวการก่อมะเร็ง

การกำหนดให้ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหาร หรือ "ภาชนะสแตนเลส" เป็นสินค้าควบคุม มีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยควบคุมปริมาณของโลหะหนัก 6 ชนิด ได้แก่ โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว แคดเมียม สารหนู และโมลิบดินัม ในภาชนะสแตนเลสที่สัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากโลหะหนักเหล่านี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาจก่อให้เกิดมะเร็ง โรคไต และปัญหาสุขภาพอื่นๆ การควบคุมคุณภาพของภาชนะสแตนเลสดังกล่าวจะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าในประเทศ สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค และส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าได้มาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อสุขภาพและเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม 


สาระสำคัญ


 ▸ภาชนะและเครื่องใช้เหล็กกล้าไร้สนิมสำหรับอาหารที่ใช้ในครัวเรือน หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ภาชนะสแตนเลส" ได้รับการประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมแล้วตามมติของคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2567

 ▸สาเหตุหลักมาจากความกังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากภาชนะสแตนเลสที่ไม่ได้มาตรฐานอาจมีสารปนเปื้อนโลหะหนัก เช่น โครเมียม นิกเกิล ตะกั่ว แคดเมียม สารหนู และโมลิบดีนัม ปนเปื้อนในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

 ▸มาตรฐานใหม่นี้มุ่งควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของภาชนะสแตนเลสที่สัมผัสโดยตรงกับอาหารและเครื่องดื่ม ครอบคลุม 7 รายการ ได้แก่ หม้อ, กระทะ, ตะหลิว, ช้อน, ส้อม, ถาดหลุมใส่อาหาร และปิ่นโต

 ▸ผู้ผลิตและผู้นำเข้าภาชนะสแตนเลสทุกรายจะต้องขออนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ก่อนทำหรือจำหน่ายสินค้า และจะต้องแสดงเครื่องหมายมาตรฐานที่สินค้าทุกชิ้น

 ▸ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าที่ไม่มีใบอนุญาต และโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับร้านค้าที่จำหน่ายสินค้าไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 


มาตรฐานใหม่นี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป



เพิ่มเติม


▸การประกาศให้ภาชนะสแตนเลสเป็นสินค้าควบคุมนี้ สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมในการคุ้มครองผู้บริโภคและสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ

 ▸สมอ. เคยประกาศให้ภาชนะเคลือบเทฟล่อน ภาชนะเมลามีน และภาชนะพลาสติกเป็นสินค้าควบคุมมาก่อนหน้านี้ และประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นสินค้าที่ไม่มีคุณภาพออกจากท้องตลาด

 ▸มาตรฐานใหม่นี้ยังครอบคลุมถึงมาตรฐานความปลอดภัยอื่นๆ ของสินค้า เช่น ลิฟต์โดยสาร สายไฟแรงสูง สวิตช์ไฟ แบตเตอรี่รถไฮบริด อุปกรณ์ทางการแพทย์ ยานยนต์ หมอนยางพารา และน้ำมันหอมระเหยขิงไทย



ควบคุมปริมาณโลหะหนัก 6 ชนิดในภาชนะสแตนเลส


ทำไมต้องควบคุม?


โลหะหนัก 6 ชนิด ได้แก่ โครเมียม, นิกเกิล, ตะกั่ว, แคดเมียม, สารหนู และโมลิบดินัม เป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ 


1. โครเมียม (Chromium):

   - ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดมะเร็งปอด เนื่องจากโครเมียมมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง

   - ส่งผลต่อระบบผิวหนัง อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ผื่นคัน และโรคผิวหนังอื่นๆ

   - อาจมีผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์และพัฒนาการของทารกในครรภ์


2. นิกเกิล (Nickel):

   - ส่งผลให้เกิดอาการแพ้ผิวหนัง เช่น คันและผื่นแดง

   - อาจก่อให้เกิดโรคหืดหอบ เนื่องจากนิกเกิลสามารถกระตุ้นการอักเสบของปอด

   - มีความเป็นไปได้ที่จะก่อให้เกิดมะเร็งปอด


3. ตะกั่ว (Lead):

   - ส่งผลกระทบต่อระบบประสาท อาจก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย และปัญหาทางสมอง

   - มีผลต่อการพัฒนาของสมองและระบบประสาทในเด็ก ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการล่าช้า

   - สามารถสะสมในร่างกายและส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์


4. แคดเมียม (Cadmium):

   - ส่งผลเสียต่อไต ทำให้เกิดความเสียหายและลดประสิทธิภาพในการทำงานของไต

   - ทำลายกระดูกและข้อต่อ อาจก่อให้เกิดปัญหากระดูกพรุน

   - ส่งผลต่อระบบประสาท อาจทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรง


5. สารหนู (Arsenic):

   - ก่อให้เกิดมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด มะเร็งตับ และมะเร็งผิวหนัง

   - มีผลต่อระบบหัวใจ อาจทำให้เกิดโรคหัวใจ

   - ส่งผลต่อระบบประสาท ก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ หงุดหงิด และสับสน


6. โมลิบดินัม (Molybdenum):

   - ปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดโรคเก๊าท์ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริก

   - ส่งผลต่อระบบทางเดินอาหาร อาจทำให้เกิดอาการปวดท้อง อาเจียน และท้องเสีย





ผู้บริโภคได้ประโยชน์อย่างไร จากการควบคุมโลหะหนัก 6 ชนิดในภาชนะสแตนเลส


การที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาควบคุมปริมาณโลหะหนัก 6 ชนิด ในภาชนะสแตนเลสที่ใช้สัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากจะเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าในประเทศแล้ว ยังส่งผลดีต่อผู้บริโภคในหลายด้าน ดังนี้


ด้านความปลอดภัย: ผู้บริโภคสามารถมั่นใจได้ว่าภาชนะสแตนเลสที่ใช้สัมผัสกับอาหารและเครื่องดื่มนั้นปลอดภัย ลดความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของโลหะหนักที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เช่น มะเร็ง โรคไต และโรคระบบประสาท เป็นต้น


ด้านสุขภาพ: การควบคุมปริมาณโลหะหนักจะช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างปกติ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพในระยะยาว และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง


ด้านความมั่นใจ: ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อภาชนะสแตนเลสที่มีมาตรฐานและมั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัย รู้สึกสบายใจเมื่อได้ใช้ภาชนะเหล่านั้น เนื่องจากทราบที่มาที่ไปของสินค้าได้อย่างชัดเจน


ด้านสนับสนุนผู้ประกอบการไทย: การควบคุมคุณภาพสินค้าจะช่วยยกระดับมาตรฐานสินค้าในประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าได้มาตรฐาน และส่งเสริมเศรษฐกิจไทยในภาพรวม


โดยสรุป การควบคุมปริมาณโลหะหนัก 6 ชนิดในภาชนะสแตนเลส นอกจากจะเป็นการยกระดับมาตรฐานสินค้าแล้ว ยังส่งผลดีต่อผู้บริโภคในหลายด้าน ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจไทย  

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม