อินทัช อธิโรจนกุล’ ฝากเงินก้อนสุดท้ายในชีวิต ลงทุนกับธุรกิจห้าดาว สู่เจ้าของแฟรนไชส์ 16 สาขา ใน 9 เดือน
โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และวิถีการดำเนินชีวิต ‘อินทัช อธิโรจนกุล’ คือ หนึ่งในผู้ได้รับผลจากวิกฤตนี้ แต่หัวหน้าครอบครัวสุดเข้มแข็งคนนี้กลับไม่ยอมแพ้กับพายุลูกใหญ่ที่โหมเข้ามา พลิกวิกฤติเพื่อหาโอกาสใหม่ๆ กับ “ธุรกิจห้าดาว” ในฐานะ “เพื่อนทางธุรกิจ” ทำให้เงินก้อนสุดท้ายในชีวิตที่เหลืออยู่ กลายเป็นความสำเร็จกับการเปิดธุรกิจในเครือห้าดาวได้ถึง 16 สาขา ภายในเวลาเพียงแค่ 9 เดือน ความสำเร็จที่เกิดขึ้นได้จริง ที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่คาดคิด
อินทัช เคยผ่านมาแล้วหลายอาชีพ ตั้งแต่เป็นเซลล์แมน ทำกิจการขายมือถือและอุปกรณ์มือถือ ขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ จนถึงขายรองเท้าผ่านหน้าร้านและออนไลน์ จากตลาดที่มองว่าน่าจะเป็นไปได้ กลับไม่เป็นอย่างที่คิดไว้ กระทั่งมาจบที่ไม่มีเงินแล้ว เหลือเพียงเงินก้อนสุดท้าย เวลานั้นมองไม่เห็นทางเลย เปรียบเหมือนระเบิดเวลา เพราะต้องนับถอยหลังอีก 30 วัน ที่ชีวิตอาจจะต้องหยุดลง
“ทางเดียวที่จะทำได้ในเวลานั้นคือ ต้องมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะให้ชีวิตไปต่อได้มากกว่า 30 วัน จึงต้องเริ่มค้นหาข้อมูลว่ามีธุรกิจอะไรที่สามารถทำให้มีโอกาสแบบนั้น เป้าหมายคือทำแฟรนไชส์ที่ลงทุนไม่มาก ซึ่งก็มีอยู่หลายธุรกิจ แต่ที่เลือกธุรกิจห้าดาว เพราะลูกชายชอบกินไก่ห้าดาว พอมาคิดว่าขนาดลูกของเรายังรู้จัก นี่ก็คงเป็นธุรกิจที่ไม่ยากในการเริ่มต้น ดังนั้นเงินก้อนสุดท้ายของเราต้องฝากไว้กับธุรกิจนี้ได้แน่นอน” อินทัช เล่า
ที่สำคัญ ธุรกิจห้าดาวไม่ได้มีแค่ร้านไก่ย่าง-ไก่ทอด ยังมีแฟรนไชส์อื่นๆ เช่น หมู Hi Pork กระทะเหล็ก เป็ดเจ้าสัว ข้าวมันไก่ไห่หนาน และกาแฟ STAR COFFEE ซึ่งตนเองเริ่มจากธุรกิจ Hi Pork ซึ่งเป็นหมูทอดและเมนูข้าวกล่อง เป็นอาหารที่รับประทานง่าย แล้วตอนนั้นธุรกิจนี้เพิ่งเริ่มต้น และก็ให้โอกาสกับผู้ประกอบการที่ไม่ต้องลงทุนมาก ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก มีทีมห้าดาวสำรวจจุดขายก่อน โดยเลือกในบริเวณใกล้กับที่อยู่อาศัยของผู้ประกอบการ เพื่อให้เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด และเลือกทำเลการขายสินค้าที่ดี เนื่องจากมีฐานข้อมูลที่ดี ทีมนี้จึงเป็น “เพื่อนที่ปรึกษา” (The Operator) ที่มีความเชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นพิเศษ
เมื่อได้เห็นสาขาแรก เห็นที่ตั้ง และเห็นหน้าร้านแล้ว อินทัชรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่บางธุรกิจไม่มีโอกาสแบบนี้ เพราะทำเลที่ดีย่อมมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงตามไปด้วย แต่ร้านของเขาได้ทำเลที่ดีแต่มีค่าเช่าพื้นที่ไม่เกินหลักหมื่น เบ็ดเสร็จสาขาแรกใช้เงินลงทุนร้านรวมอุปกรณ์ประมาณ 99,000 บาท และมีค่าวัตถุดิบต่างๆอีกประมาณ 5 หมื่นบาท ส่วนร้านรูปแบบ glasshouse ธุรกิจห้าดาวให้ยืมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังมีโครงสร้างไฟฟ้า มีระบบน้ำมาพร้อม ทำให้เริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ซึ่งตามปกติในธุรกิจแฟรนไชส์อื่นๆ ผู้ประกอบการต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนนี้เอง ซึ่งมูลค่าสูงถึง 4 แสนบาท เรื่องนี้ถือว่าดีมากๆสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจของตัวเองที่ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนในส่วนนี้
หลังจากได้ร่วมงานกับธุรกิจห้าดาว ซึ่งตอนแรกก็ยังมีความกังวลว่าอาจจะมีความยากในการบริหารจัดการ แต่เมื่อเริ่มแล้วก็อุ่นใจว่าไม่ต้องเรียนรู้อะไรเองมาก เพราะมีทีมงานมาฝึกอบรมให้ ถือเป็น “เพื่อนที่คอยแนะนำ” (The Trainer) เพื่อทำให้ทั้งผลิตภัณฑ์ การบริการ และการจัดการได้คุณภาพมาตรฐาน ส่วนวัตถุดิบก็มีคู่มือมาให้และให้คำแนะนำว่าปรุงอย่างไรต้องทำอะไรก่อนหลัง จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับมือใหม่
อินทัชบอกว่า ทีมงานห้าดาวไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมธุรกิจ แต่เป็นเพื่อนคู่คิด ที่สามารถพูดคุยกันได้ตลอดเวลา ติดขัดเรื่องไหนก็รีบส่งทีมมาดูแล การสั่งของเข้าร้านมีทีมห้าดาวจัดสรรวัตถุดิบให้อยู่แล้ว ไม่ไปต้องหาวัตถุดิบเอง สูตรเมนูต่างๆก็คิดค้นพัฒนาให้อร่อยถูกปากผู้บริโภค เราโฟกัสการขายอย่างเดียว ดูแลเรื่องการเตรียมอาหาร ใส่ใจงานบริการให้ดี โดยไม่ต้องเสียเวลาดำเนินการส่วนอื่นเลย เรียกว่าทั้งส่งวัตถุดิบให้ เปลี่ยนอุปกรณ์ให้เมื่อเสีย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่อง” อินทัช กล่าวถึงความประทับใจ
อีกส่วนสำคัญที่ทำให้สามารถเติบโตก้าวกระโดดได้ คือ การทำระบบจัดส่งถึงบ้านลูกค้า (Delivery) กับธุรกิจห้าดาว ซึ่งผู้ประกอบการจะได้ GP ในเรตพิเศษ ต่างกับร้านอาหารปกติ เพราะธุรกิจห้าดาวมีการเชื่อมโยงกับ Delivery ค่ายต่างๆอยู่แล้ว ถือเป็นการลดต้นทุนได้อีก เท่ากับมี “เพื่อนหลังบ้าน” (The Marketeer) ที่ดี
“ความสำเร็จจากสาขาแรกและขยายไปถึง 16 สาขา ในเวลาไม่ถึง 1 ปี เป็นเรื่องเกินคาดหมาย แต่ด้วยจุดเริ่มต้นที่มองว่าธุรกิจนี้ค่อนข้างมีโอกาส และยิ่งได้เริ่มกับห้าดาวก็ยิ่งทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นทั้งตัวเองและชีวิตของคนที่มาอยู่กับเรา และยิ่งมั่นใจว่าแบรนด์นี้ให้โอกาสกับคน ไม่ใช่แค่ธุรกิจแต่เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ ทั้งต่อผู้ประกอบการที่ได้มีธุรกิจที่มั่นคง รวมถึงสร้างงานสร้างอาชีพให้กับทีมงานของเราอีกหลายสิบคน ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก ห้าดาวจึงเป็นเพื่อนแท้ที่ให้โอกาส ให้อาชีพ ความมั่นคง ที่สามารถส่งต่อให้กับทายาทได้ต่อไป” อินทัช บอก
‘อินทัช อธิโรจนกุล’ ชายผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ถือเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการที่อยากมีธุรกิจของตนเอง เพียง เริ่มต้นกับธุรกิจที่ใช่ แล้วใส่ความมุ่งมั่น ตั้งใจ เข้าไปให้สุดแรง ความสำเร็จย่อมเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน