นิคเคอิ เอเชียน รีวิว สื่อใหญ่ของญี่ปุ่นรายงานว่า บริษัท พานาโซนิค จะปิดโรงงานผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ในประเทศไทยภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี้ เพื่อที่จะผนวกฐานการผลิตเข้ากับโรงงานที่ใหญ่ขึ้นในประเทศเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพการดำเนินงานดียิ่งขึ้น

ทั้งนี้ โรงงานผลิตในไทยจะหยุดการผลิตเครื่องซักผ้าในเดือนกันยายน ส่วนโรงงานผลิตตู้เย็นจะยุติการผลิตในเดือนตุลาคม  ส่วนตัวอาคารโรงงานผลิตจะปิดตัวในเดือนมีนาคมปี 2564 เช่นเดียวกับศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ในพื้นที่ใกล้เคียงที่จะต้องปิดตัวลงด้วยเช่นกัน ปัจจุบัน พานาโซนิคมีพนักงานประมาณ 800 คนที่ทำงานในโรงงานที่กรุงเทพ ซึ่งอาจจะต้องสูญเสียตำแหน่งงานที่เคยทำอยู่ แต่ก็จะได้รับความช่วยเหลือในการค้นหาตำแหน่งที่แตกต่างออกไปภายในองค์กร

การย้ายฐานการผลิตไปเวียดนามนี้ พานาโซนิคต้องการลดต้นทุนผ่านกระบวนการจัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนประกอบที่ผนวกรวมเข้าด้วยกัน โรงงานในเวียดนามนั้นตั้งอยู่นอกกรุงฮานอย นับเป็นศูนย์กลางการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทสำหรับการผลิตตู้เย็นและเครื่องซักผ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในปัจจุบัน ก็ยังมีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่

ทั้งนี้ การย้ายโรงงานดังกล่าวสะท้อนถึงเฟสใหม่ในอุตสาหกรรมภาคการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1970 ที่ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นโยกย้ายฐานการผลิตจากญี่ปุ่นมายังสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อหนีผลกระทบจากค่าเงินเยนที่แข็งขึ้นและทำให้สินค้าที่ผลิตในญี่ปุ่นไม่สามารถแข่งขันด้านราคา และหลังจากนั้นมาฐานการผลิตก็โยกย้ายเข้าสู่ประเทศอื่นๆในอาเซียน เช่น ประเทศไทย เนื่องจากค่าจ้างแรงงานที่แพงขึ้นสิงคโปร์เริ่มเป็นปัญหา

แต่ปัจจุบันผู้ผลิตเริ่มมองหาแหล่งผลิตที่มีต้นทุนต่ำลงกว่านี้อีก ขณะเดียวกันก็ต้องการนำสินค้าประเภทตู้เย็น เครื่องซักผ้า รวมทั้งเตาไมโครเวฟ เจาะตลาดที่มีประชากรจำนวนมากในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ หรือเวียดนาม ในประเทศไทยนั้น พานาโซนิคเข้ามาตั้งโรงงานตั้งแต่ปี 2522

รายงานข่าวระบุว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะไม่ทำให้กำลังการผลิตของพานาโซนิคลดลง ปัจจุบันบริษัทมีการจ้างงานในเวียดนามราว 8,000 คน นอกจากเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่แล้ว บริษัทยังผลิตสินค้าอื่นๆ ในเวียดนาม เช่น โทรทัศน์ โทรศัพท์ไร้สาย เครื่องรับชำระเงินด้วยบัตรเครดิต รวมทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ในอุตสาหกรรม

พานาโซนิคกำลังอยู่ในระหว่างการปรับโครงสร้างองค์กร เป้าหมายคือการลดต้นทุนลงประมาณ 100,000 ล้านเยน หรือราว 930 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปีการเงินที่จะสิ้นสุดลงในเดือนมี.ค. 2565 ทำให้มีการปรับเปลี่ยน-โยกย้ายฐานการผลิตอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ปีที่ผ่านมา บริษัทเพิ่มการผลิตเครื่องซักผ้าและตู้เย็นแบรนด์ “ชาร์ป”ในประเทศอินโดนีเซีย 30% และ 20% ตามลำดับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการดังกล่าว