รีเซต

ปี 68 ไทยเจอพายุ 6 ลูก พายุ “คัลแมกี” เป็นลูกที่ 7 หลายเขื่อนเริ่มรับน้ำไม่ไหว!

ปี 68 ไทยเจอพายุ 6 ลูก พายุ “คัลแมกี” เป็นลูกที่ 7 หลายเขื่อนเริ่มรับน้ำไม่ไหว!
TNN ช่อง16
6 พฤศจิกายน 2568 ( 09:30 )
54

กรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการติดตามข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า อิทธิพลของพายุ “คัลแมกี (KALMAEGI)” จะทำให้ช่วงวันที่ 7 - 9 พฤศจิกายน นี้ ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และอาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคเหนือตามลำดับ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวัง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ


ด้านสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวม 68,500 ล้าน ลบ.ม. (90%) ยังรองรับน้ำได้อีกกว่า 8,101 ล้าน ลบ.ม. ขณะที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา เฉพาะเขื่อนหลัก 4 แห่ง (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวม 24,310 ล้าน ลบ.ม. (98%) สามารถรองรับน้ำได้อีกประมาณ 605 ล้าน ลบ.ม.


ส่วนสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเริ่มวิกฤตอีกระลอก หลังน้ำจากตอนบนของประเทศหลากลงมา ส่งผลให้พนังกั้นน้ำในพื้นที่ตำบลธรรมามูล อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ขาดเป็นแนวยาว น้ำทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนกว่า 100 หลัง รวมทั้งสวนผักและผลไม้ในพื้นที่ ระดับน้ำสูง 30 เซนติเมตรถึง 1 เมตร ชาวบ้านกว่า 10 ครอบครัวต้องรีบขนของขึ้นไปอยู่บนถนนเพื่อหนีน้ำ ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วในรอบเดือนเดียว

ขณะเดียวกัน พื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ตำบลโพนางดำออก อำเภอสรรพยา ก็ได้รับผลกระทบหนัก หลังเขื่อนเพิ่มการระบายน้ำเป็น 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่งผลให้แนวพนังกั้นน้ำพังลงหลายจุด น้ำหลากเข้าท่วมหมู่บ้านที่ยังไม่ทันฟื้นจากรอบก่อน ระดับน้ำสูงขึ้นอีกกว่า 60 เซนติเมตร จนโรงเรียนในพื้นที่ 6 แห่งต้องประกาศปิดเรียนทั้งหมด


ส่วนที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านวัดกษัตราธิราชวรวิหาร ตำบลบ้านป้อม เพิ่มสูงขึ้นรวดเร็วจนน้ำล้นถึงพื้นลานวัด ทางวัดต้องรีบติดตั้งบังเกอร์ป้องกันน้ำท่วมที่เพิ่งรื้อออกไปก่อนหน้านี้ พร้อมประสานกำลังทหารช่วยเสริมแนวกระสอบทรายเพื่อป้องกันน้ำท่วมโบราณสถาน


ในพื้นที่ชุมชนวัดสนามชัย หมู่ 10 ตำบลบ้านป้อม ซึ่งอยู่ใกล้เคียง น้ำได้เอ่อท่วมถึงหัวเข่าประมาณ 30–40 เซนติเมตร จากที่ถนนยังแห้งเมื่อช่วงเช้า กลับกลายเป็นน้ำท่วมขังในช่วงบ่าย ชาวบ้านต้องขนของขึ้นที่สูงหนีน้ำเป็นครั้งที่ 3 ของปี

ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนพายุไต้ฝุ่น “คัลแมกี” คาดว่าจะขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางวันที่ 6–7 พฤศจิกายนนี้ ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและเคลื่อนเข้าสู่ไทยทางจังหวัดอุบลราชธานีในวันที่ 7 พฤศจิกายน ส่งผลให้ช่วงวันที่ 7–9 พฤศจิกายน ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออก


ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำใกล้ทางน้ำ ควรเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ขณะที่คลื่นลมทะเลอันดามันมีกำลังแรง คลื่นสูง 2–3 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองสูงกว่า 3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง


ด้านนายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมสถานการณ์น้ำว่า นายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรี มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมพร้อมรับมือพายุ “คัลแมกี” โดยประเมินว่าแม่น้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำปิง–วัง–ยม–น่าน ยังคงอยู่ในภาวะ “ตึงตัว” จากฝนลูกก่อน หากพายุลูกใหม่เข้ามาอีกจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยง โดยเฉพาะภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน


กรมชลประทานจึงเร่งบริหารน้ำ ปรับอัตราการระบายท้ายเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ระหว่าง 2,500–2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที พร้อมผันน้ำเข้าทุ่งเพื่อหน่วงและรองรับน้ำก้อนใหม่ คาดว่าระดับน้ำจะสูงสุดในวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า กรุงเทพมหานครจะยังไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง จากการระบายน้ำในระยะนี้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง