"ษิทรา" งง ทนายเดชาพาครูจุ๋มถอนแจ้งความ ทั้งที่เคยพูดเองว่า การทำร้ายร่างกายเป็นอาญา..ถอนไม่ได้
!["ษิทรา" งง ทนายเดชาพาครูจุ๋มถอนแจ้งความ ทั้งที่เคยพูดเองว่า การทำร้ายร่างกายเป็นอาญา..ถอนไม่ได้](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/42cd3c40-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
!["ษิทรา" งง ทนายเดชาพาครูจุ๋มถอนแจ้งความ ทั้งที่เคยพูดเองว่า การทำร้ายร่างกายเป็นอาญา..ถอนไม่ได้](https://cms.dmpcdn.com/news/2020/10/07/a9d82d70-0868-11eb-bc4c-cddced3f7eaa_original.jpg)
“ษิทรา” งง ทนายเดชาพาครูจุ๋มถอนแจ้งความ ทั้งที่เคยพูดเองว่า การทำร้ายร่างกายเป็นอาญา..ถอนไม่ได้
จากกรณีที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ได้พาครูจุ๋ม น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง อดีตครูพี่เลี้ยงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนักเรียนชั้นอนุบาล 1 โรงเรียนสารสาสน์ฯ ไปถอนแจ้งความนายชาญวิทย์ น้อยสุขยิ่ง อายุ 37 ปีและภรรยา ผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่ถูกครูจุ๋มทำร้ายร่างกาย นั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 ต.ค.63 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์เฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า
“เรื่องใหญ่เลยนะครับ!! การที่ครูจุ๋มบอกว่าที่แจ้งความเพราะ ถูกชี้นำจากผู้มีอำนาจ และผู้เกี่ยวข้อง ถ้าผู้มีอำนาจคือโรงเรียน ก็จะแย้งกับที่ผู้บริหารแถลง และเท่ากับโรงเรียนแสดงท่าทีเป็นปฎิปักษ์กับผู้ปกครอง ซึ่งเป็นลูกค้าของโรงเรียน
แต่ถ้าผู้ที่มีอาชีพเป็นทนายไปเกี่ยวข้องในการชี้นำ หรือยุยงส่งเสริม ให้เป็นความ หรือมีการแจ้งความ ก็อาจผิดมรรยาททนายความ ซึ่งมีโทษ ภาคทัณฑ์ พักใบอนุญาตไม่เกิน 3 ปีหรือลบชื่อจากการเป็นทนายความ
ส่วนคดีที่ครูจุ๋มแจ้งความไปแล้ว ถ้าเป็นความผิดอาญาต่อแผ่นดินไม่สามารถถอนการแจ้งความได้ ยังไงตำรวจก็ต้องทำสำนวนเพื่อสรุปความเห็นให้พนักงานอัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไปครับ”
และต่อมาโพสต์อีกว่า “ทนายเดชาก็มีความรู้ทางกฎหมายเหมือนกันนะครับ ฟังจากการให้สัมภาษณ์ในรายการเอาให้ชัด อาจารย์เดชาพูดเองว่า “คดีทำร้ายร่างกายมันเป็นอาญาแผ่นดิน…มันถอนไม่ได้” แล้วเมื่อคืนจะชวนครูจุ๋มไปถอนแจ้งความ บอกว่าเป็นแค่คดีลหุโทษ ผมนี่สับสนกับทนายเดชาจริงๆ”