เรือขนสินค้าพลังงานลม “Neoliner Origin” เตรียมลุยเส้นทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก

ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ออกเดินทางผจญภัย สำหรับเรือขนส่งสินค้า นีโอไลเนอร์ ออริจิน (Neoliner Origin) โดยล่าสุดแล่นออกจากอู่ต่อเรือในตุรกี ทดสอบบรรทุกและขนถ่ายสินค้าเชิงพาณิชย์ครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับนวัตกรรมการขนส่งทางทะเลด้วยเรือพลังงานลม ซึ่งบริษัทตั้งเป้าที่จะช่วยอุตสาหกรรมขนส่งทางเรือลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากถึงร้อยละ 80

เรือลำนี้ได้เดินทางออกจากอู่ต่อเรือในตุรกีเมื่อวันที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา ก่อนจะเข้าเทียบท่าชั่วคราวในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน จากนั้นแล่นต่อจนถึงท่าเรือแซ็ง-นาแซร์ (Saint-Nazaire) ในประเทศฝรั่งเศส เพื่อเตรียมลุยเส้นทข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งแรก 

ทั้งนี้เรือนีโอไลเนอร์ ออริจิน (Neoliner Origin) เป็นเรือขนส่งสินค้าพลังงานลมที่เคยได้รับฉายาว่าเป็น “เรือขนส่งสินค้าพลังงานลมที่ยาวที่สุดในโลก” เมื่อช่วงต้นปี 2025 

ตัวเรือมีความยาว 136 เมตร กว้าง 24.2 เมตร ทำงานโดยใช้แรงขับลมเป็นหลัก ติดตั้งเสากระโดงเรือคาร์บอน 2 เสา ความสูง 76 เมตร และใบเรือแข็งขนาด 3,000 ตารางเมตร สามารถเดินทางด้วยความเร็ว 11 นอต หรือราว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบรรทุกสินค้าได้ 6,300 ตันในระยะทางไกล 

บริษัทเผยว่าเรือลำนี้สามารถบรรทุกรถยนต์ได้มากถึง 321 คัน ตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตจำนวน 265 ตู้ หรือตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตจำนวน 125 ตู้ โดยมีลูกค้ารายแรก ๆ เช่นบริษัทยานยนต์อย่าง เรโนลต์ กรุ๊ป (Renault Group) และแบรนด์เครื่องหนังและกระเป๋าแฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสอย่าง ลองฌองป์ (Longchamp) ที่เรียกใช้บริการแล้ว

บริษัทระบุว่าเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังเรือ นีโอไลเนอร์ ออริจิน (Neoliner Origin) จะนำเสนอโซลูชั่นที่มีจะช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลของอุตสาหกรรมการเดินเรือ รวมถึงการติดตั้งระบบต่าง ๆ เช่น ระบบกำหนดเส้นทางสภาพอากาศ โดยระบุว่าตัวเรือสามารถลดการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5 เท่า เมื่อเทียบกับเรือทั่วไป