พ่อ-ลูกเครียด! พายุพัดต้นไม้หักทับบ้านพัง เจ้าของที่อ้างภัยธรรมชาติ อบต.ไม่ยุ่ง ตร.ให้ฟ้องแพ่ง

วันที่ 4 ส.ค. นายนุกูล เมืองคลี่ อายุ 60 ปี พร้อมด้วย น.ส.นันทนิตย์ อายุ 31 ปี ลูกสาว ร้องเรียนผู้สื่อข่าว พร้อมพาไปสำรวจความเสียหายจากการถูกต้นไม้ใหญ่จากสวนฝั่งตรงข้ามล้มทับหลังบ้านที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง จนหลังคากระเบื้องแตกเศษชิ้นส่วนกระจายเกลื่อน ได้รับความเสียหายแล้วยังถูกปฎิเสธความรับผิดชอบ อ้างว่าเป็นภัยธรรมชาติให้ไปเรียกร้องเอาผิดกับอบต.เอาเอง

นายนุกูล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา เกิดพายุซินลากู มีลมกระโชกหมุนพัดรุนแรงทำให้ต้นไม้สะเดาเทียมขนาดใหญ่ 3 ต้นที่อยู่คนละฝั่งถนน หักโค่นลงมาทับบ้าน 2 ต้น ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างพังเสียหายและสายไฟฟ้าขาด จึงแจ้งอบต.ครน ให้รับทราบเพื่อยื่นเรื่องขอเงินชดเชยแต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากบ้านหลังไม่อยู่ในหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการขอเงินชดเชยอุกทภัย วาตภัย เพราะยังไม่มีเลขที่บ้าน และพื้นที่ก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ถือครองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

" ต่อมาอบต.ครน แนะนำให้ไปเรียกร้องความเสียหายกับเจ้าของต้นไม้ แต่ก็ถูกปฏิเสธเหมือนกัน โดยฝ่ายเจ้าของต้นไม้สวนฝั่งตรงข้ามบอกว่า ไม่จ่าย อ้างว่าเป็นภัยจากธรรมชาติให้เอาผิดกับอบต.เอาเอง จากนั้นไปแจ้งตำรวจ สภ.สวี ตำรวจก็บอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นคดีเพ่งให้ไปเรียกร้องค่าเสียหายกับเจ้าของต้นไม้หรือให้ไปฟ้องศาล กว่าจะเก็บหอบรอมริบเงินทองมาสร้างบ้านหลังนี้ได้ใช้เวลาถึง 8 ปี แต่ก็ยังไม่เสร็จ หมดเงินไปกว่า 200,000 บาท

นายนุกูล บอกด้วยว่า ผมยอมรับได้ ที่ไม่ได้เงินชดเชยจากอบต. เข้าใจดีว่าพื้นที่พ่อแม่ครอบครองผืนดินบนเนื้อที่ประมาณ 17 ไร่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่อยู่อาศัยในที่ดินผืนนี้มานานหลายสิบปี และไม่ติดใจอบต.แต่อย่างใด เพียงวอนขอความเห็นใจเจ้าของต้นไม้ให้ออกมารับผิดชอบยอมจ่ายค่าเสียหายกันบ้างส่วน จำนวนเงินเท่าไหร่นั้นแล้วแต่จะตกลงกัน "