เผยสรุปยอดประจำปี 2020 ของสามยักษ์ใหญ่แห่งวงการสมาร์ตโฟน!
TNN ช่อง16
31 มกราคม 2564 ( 01:08 )
100
ใครที่ติดตามข่าวเทคโนโลยีในช่วงนี้ก็น่าจะเห็นบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอที ทยอยกันเปิดเผยรายงานสรุปรายได้ประจำปี ซึ่งที่น่าจับตามองก็คือสามบริษัทใหญ่ระดับโลกอย่าง Apple, Samsung และ Huawei ซึ่งแต่ละฝ่ายก็เรียกได้ว่ากวาดรายได้กันไปอย่างสูสี แต่ใครจะเฉือนเอาชนะใครไปได้ในด้านไหน เราได้สรุปมาให้แล้วที่นี่
Apple
เริ่มจากบริษัทระดับโลกที่เชื่อว่าทุกคนรู้จักกันดีอย่าง ‘Apple’ โดยท่ามกลางกระแสของสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา Apple กลับกวาดรายได้ช่วงคริสตมาสไปได้กว่า 111 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 33,152,370,000 บาท) โดยจากรายงานของสำนักข่าว BBC ได้ระบุว่าส่วนหนึ่งของยอดขายที่พุ่งสูงทะลุเป้านี้มาจากช่วงเทศกาลสิ้นปี ที่บรรดาครอบครัวต่างก็มาเลือกซื้อสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อป และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ของ Apple เพื่อเป็นของขวัญให้กันในช่วงปีใหม่นั่นเอง
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ยอดขายในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2020 ที่ผ่านมา Apple จะกวาดรายได้ไปมากกว่า 111 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่า 21% จากปีก่อน และคาดว่าแรงผลักดันส่วนหนึ่งมาจากช่วงสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้คนหันมาใช้งานอุปกรณ์เพื่อการออนไลน์มากขึ้น ความต้องการทางด้านเทคโนโลยีจึงพุ่งสูงขึ้นตาม ซึ่ง Apple เองในตอนนี้ก็มีอุปกรณ์ที่เปิดใช้งานทั่วโลกอยู่ที่ 1.65 พันล้านเครื่อง ซึ่งรวมถึงยอดการใช้งานของ iPhone อย่างเดียวอยู่ที่ 1 พันล้านเครื่อง นอกจากนี้ยอดที่เพิ่มขึ้นก็มาจากกระแสหลังการเปิดตัวซีรีส์ iPhone 12 ที่กระตุ้นให้หลายคนเปลี่ยนมาใช้ iPhone กันมากขึ้น รวมถึงผู้ใช้งานเก่าที่ต้องการอัปเกรดเครื่องเป็นรุ่นใหม่ด้วยเช่นกัน
สิ่งที่น่าจับตามองอีกเรื่องของ Apple คือการเติบโตในตลาดประเทศจีนที่กำลังไปได้สวย อันเนื่องมาจากความต้องการอุปกรณ์ที่สามารถใช้งานสัญญาณอินเทอร์เน็ตแบบ 5G ได้นั่นเอง โดยข่าวจาก BBC ได้ระบุว่ายอดขายในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวันพุ่งสูงขึ้นอยู่ที่ 57% ส่วนในแถปทวีปยุโรปอยู่ที่ 17% และในอเมริกาเองก็พุ่งขึ้นที่ 11% ตามลำดับ ซึ่งนับว่าเป็นตัวเลขที่น่าสนใจมาก
Huawei
มาดูกันที่ฝั่งของสมาร์ตโฟนจากค่ายใหญ่แห่งแดนมังกร “Huawei” จากที่เคยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของการส่งออกสมาร์ตโฟนระดับโลก กลับร่วงลงมาอยู่ที่อันดับ 6 ลดลงถึง 41% อันเนื่องมาจากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ตกไปเป็นรองของคู่แข่งอย่าง Apple เลยทีเดียว
จากการรายงานข่าวของ CNBC บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากประเทศจีนนี้ได้ส่งออกสมาร์ตโฟนไปกว่า 33 ล้านเครื่องทั่วโลกในไตรมาศที่ 4 ของปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งลดลงกว่า 41% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 8% เท่านั้น ซึ่งนี่ก็ทำให้ Huawei ตกลงมาเป็นลำดับที่ 6 ของแบรนด์สมาร์ตโฟนที่มีอิทธิพลในตลาดโลกเมื่อช่วงไตรมาศในเดือนธันวาคม และเป็นครั้งแรกที่ Huawei หลุดออกจากห้าลำดับแรกอีกด้วย โดยทำยอดตามหลังคู่แข่งสัญชาติเดียวกันอย่าง Oppo, Vivo และห่างไกลกับคู่แข่งยักษ์ใหญ่อีก 2 แบรนด์อย่าง Apple และ Samsung ไปอีกหลายขุม
หายนะอีกอย่างหนึ่งของ Huawei ก็คือการที่คู่แข่งสำคัญอย่าง Apple นำหน้าไปอีกขั้นด้วยการส่งออก iPhone กว่า 90.1 ล้านเครื่องในไตรมาสที่สี่ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาการส่งออกของสมาร์ตโฟนที่ผ่านมาทั้งหมด และยังทำรายได้จากประเทศจีนถิ่นของ Huawei เองได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
ที่สำคัญคือเมื่อเทียบกับไตรมาศที่สองของปี 2020 แล้ว ยอดการส่งออกของ Huawei ถือว่าลดลงเร็วมากจากที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของโลกในเรื่องของการส่งออก ที่เป็นเช่นนี้อาจจะมาจากมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยในปี 2019 Huawei ถูกขึ้นบัญชีดำในสหรัฐอเมริกาที่เรียกว่า Entity List ซึ่งจำกัดไม่ให้หลายบริษัทใหญ่ ๆ ในอเมริกาส่งออกส่วนประกอบสำคัญ เช่น ชิป และซอฟต์แวร์ไปให้ Huawei ทำให้ส่งผลกระทบต่อยอดขายเป็นอย่างมาก
โดยผลกระทบใหญ่สุดของการขึ้นบัญชีดำครั้งนี้ก็คือการที่ตัด Huawei ออกจากระบบปฏิบัติการ Google’s Android ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ในประเทศจีน เพราะบริการต่าง ๆ จาก Google เช่น Google Search และ Gmail ก็ได้ถูกบล็อกเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่ตลาดส่งออกทั่วโลกนั้นเสียหายอย่างมาก เพราะบรรดาลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์จาก Huawei ต่างก็เคยชินกับการใช้บริการเหล่านี้
ซึ่งทาง Huawei เองก็น่าจะเห็นสังเกตเห็นยอดขายที่ลดลงในไตรมาสที่สองในตลาดต่างประเทศอยู่เช่นกัน และก็สามารถแก้ไขสถานการณ์ยอดขายที่ลดลงอย่างมากในจีนได้ทันท่วงที อย่างไรก็ตาม ในประเทศจีนเอง Huawei ก็ได้ผลที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในไตรมาสของเดือนธันวาคม โดยจากรายงานของ CINNO Huawei สามารถขายสมาร์ตโฟนไปได้แต่ 24.2 ล้านเครื่องในจีนสำหรับไตรมาสที่สี่ ลดลงกว่า 40% เมื่อเทียบเป็นรายปี
นอกจากนี้การคว่ำบาตรยังเป็นการบังคับให้ Huawei ต้องขายแบรนด์ลูกอย่าง Honor ไปในเดือนพฤศจิกายน และสำนักข่าว Reuters ยังมีการรายงานว่า ขณะนี้ Huawei อาจจะกำลังมองหาทางขายแบรนด์ Mate และ P ที่เป็นเรือธงของตัวเองอีกด้วย ซึ่งทาง Huawei ก็ยังออกมาตอบโต้ข่าวลือนี้โดยยืนยันว่าบริษัทจะยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่กับการพัฒนาธุรกิจสมารต์โฟนของตัวเองต่อไป
ถึงแม้ว่าข่าวลือนี้จะยังไม่แน่ชัด แต่หลาย ๆ คนก็กำลังมองว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Huawei อาจจะกำลังหันไปโฟกัสที่ธุรกิจอื่น ๆ แทน โดยมีสัญญาณที่น่าสนใจมาจากการที่บริษัทแต่งตั้ง Richard Yu ผู้บริหารฝ่ายผู้บริโภค (head of the consumer division) ให้มาดูแลธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์และปัญญาประดิษฐ์ ซึ่ง CNBC ได้รายงานว่า Richard Yu เป็นคนที่ได้รับการยกย่องว่าสามารถทำให้ Huawei กลายเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อตลาดสมาร์ตโฟนรายใหญ่ระดับโลกได้นั่นเอง
Samsung
มาดูกันที่ทางฝั่งยักษ์ใหญ่จากประเทศเกาหลีใต้บ้าง Samsung พึ่งประกาศผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่สี่ของปี 2020 และรายงานตลอดปี ซึ่งผลออกมาก็ค่อนข้างน่าประทับใจเลยทีเดียว โดยบริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 26% เฉพาะในช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคมปี 2020 ซึ่งถ้าเทียบกับช่วงสามเดือนเดียวกันในปี 2019 ที่ทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย โดยขึ้นมาต่ำกว่า 3% เท่านั้น
นอกจากนี้ Samsung ยังมีกำไรเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในช่วงที่มีสถานการณ์ระบาดตลอดทั้งปี และยังมียอดขายที่เพิ่มมากขึ้นกว่า 6 ล้านล้านวอน (หรือประมาณ 5.36 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ต่อปี แต่หนึ่งในสี่ของกำไร (ประมาณ 1.4 ล้านล้านวอน / 1.2 พันล้านดอลลาร์) ได้ถูกลบออกไปเนื่องจากอัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างเงินวอนเกาหลีและดอลลาร์สหรัฐที่มีความผันผวนมาก
แต่อย่างไรก็ตามถ้ามองยอดขายจากกลุ่มสมาร์ตโฟนอย่างเดียว Samsung มียอดขายและกำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงในช่วงวันหยุดเทศกาล โดนในไตรมาสที่สี่ของปี 2020 มีกำไรเพียง 2.4 ล้านล้านวอน (2.14 พันล้านดอลลาร์) ซึ่งน้อยกว่าไตรมาส 4 ในปี 2019 ถึง 34% โดย Samsung กล่าวว่าเป็นผลมาจากยอดขายที่ลดลง (จาก 24.74 ล้านล้านวอน / 22.13 พันล้านดอลลาร์เป็น 22.34 ล้านล้านดอลลาร์ / 20 พันล้านดอลลาร์ ) และจากค่าใช้จ่ายทางการตลาด อย่างไรก็ตามถ้าพิจารณาจากผลประกอบการประจำปี ก็ถือว่าเป็นไปตามที่คาดไว้
ส่วนไตรมาสแรกในปี 2021 นี้ ทาง Samsung ก็ได้คาดการณ์ว่าทั้งรายได้และกำไรจะเพิ่มขึ้นหลังจากการเปิดตัวซีรีส์ Galaxy 21 ในช่วงแรก รวมถึงจากการปรับปรุงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ดีขึ้น ซึ่งตัวทำเงินของ Samsung ในปี 2020 ที่ผ่านมาก็คือธุรกิจจากอุปกรณ์ประเภทดิสเพลย์ โดยมียอดขายเพิ่มสูงขึ้นทั้งสมาร์ตโฟนและจอโทรทัศน์ที่มีราคาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดกระแสเงินสดที่หมุนเวียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดย Samsung มั่นใจว่ายอดขายและกำไรจากตรงนี้จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นจากความต้องการของผู้บริโภครายใหญ่ที่ต้องการใช้ OLED panels มากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเอง
Apple Vs Samsung Vs Huawei
ถ้าพิจารณาจากรายงานประจำปีของทั้งสามบริษัท เราก็จะเห็นว่าคู่ที่ดูจะทำยอดขายได้ดีขึ้นอย่างน่าจับตามองก็คือ Apple และ Samsung ที่ถึงแม้ว่าฝ่ายหลังอาจจะยังเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก แต่จากรายงานฉบับใหม่ระบุว่า Apple สามารถเอาชนะ Samsung ในเกาหลีใต้ไปได้ในไตรมาสที่สี่ของปี 2020
โดยรายงานใหม่ล่าสุดจาก Counterpoint Research ชี้ให้เห็นว่า Apple มีการเติบโตอยู่ที่ 96% แบบไตรมาสต่อไตรมาสในขณะที่ Samsung มีการเติบโตอยู่ที่ 22% เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ซึ่งการเติบโตที่เพิ่มขึ้นสูงนี้น่าจะมาจากช่วงเทศกาลวันหยุดและการเปิดตัว iPhone 12 ซีรีส์ล่าสุด
แต่ Samsung เองก็ใช่ย่อย เพราะยังคงครองตำแหน่งสูงสุดในฐานะราชาของผู้ผลิตสมาร์ตโฟนระดับโลกในปี 2020 โดยรักษาส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกอยู่ที่ 19% (ลดลง 1% เมื่อเทียบจากปี 2019) ในขณะที่ยอดขายของ Apple เติบโตขึ้น 8% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่สี่ของปี 2020 และมีส่วนแบ่งการตลาดรวมเพิ่มขึ้นจาก 13% เป็น 15% สำหรับปี 2020 ที่ผ่านมา
ส่วนทาง Huawei ยังคงได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรตลอดช่วงปลายปี 2019 และ 2020 โดยยังรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดของสมาร์ตโฟนทั่วโลกไว้ได้ที่ 14% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ยอดนี้คงจะลดลงอีกอย่างไม่ต้องสงสัย อันเนื่องมาจากการขายแบรนด์ย่อย Honor ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั่นเอง
สิ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคือการที่ Apple ทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาจะกลายเป็นปัญหาใหญ่กับคู่แข่งอย่าง Samsung แน่นอน เพราะถึงแม้ในช่วงสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายของบริษัทใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมด แต่ Apple กลับสามารถรักษาสมดุลและดูเหมือนว่าจะผลักคู่แข่งอย่างบริษัทเกาหลีนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ตลอดปี 2021 นี้อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยการนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ก็คงต่องรอดูว่าทาง Samsung จะงัดไม้เด็ดอะไรมาโต้กลับ
โดยสรุปแล้วถึงแม้ว่าแต่ละบริษัทอาจจะทำยอดขายได้เป็นที่น่าพึงพอใจเมื่อเทียบกับยอดขายของปีก่อน ๆ หรือไม่นั้น สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือในขณะที่ธุรกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 อย่างเห็นได้ชัด ตลาดของสมาร์ตโฟนและเทคโนโลยีรวมไปถึงบริการแบบออนไลน์ต่าง ๆ กลับเฟื่องฟูขึ้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะผู้คนเปลี่ยนวิถีชีวิตมาอยู่กับบ้านมากขึ้น ความต้องการเข้าถึงสื่อและอุปกรณ์เทคโนโลยีต่าง ๆ จึงเพิ่มตาม ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตามองว่าทั้งสามยักษ์ใหญ่จะวางแผนดำเนินการอย่างไรต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะมีคนพลิกกระดานกลับมายืนเป็นอันดับหนึ่งอีกก็ได้ หรือจะมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาให้ตื่นเต้นกันอีก ก็ต้องรอติดตามชมกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline