เสี่ยงทั้งอำเภอ! ไกด์หนุ่มป่วย 'โควิด' กลับหนีเที่ยว อ.พบพระ ตั้งด่านสกัดวุ่น

โควิด : ไกด์หนุ่มทำป่วนทั้งอำเภอ ติด โควิด กลับหนีเที่ยวกับเพื่อนที่พบพระ ส่วนเพื่อนก็ไม่รู้ จนท.ตั้งด่านสกัดวุ่น ก่อนไปเจอพร้อมกระเป๋า ส่งเข้ารักษาด่วน

วันที่ 15 ม.ค.64 เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงอำเภอแม่สอด และฝ่ายความมั่นคงอำเภอพบพระ จ.ตาก ซึ่งเป็นอำเภอติดแนวชายแดนไทย-เมียนมา ได้รับการประสานขอความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้ช่วยติดตามผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่หลบหนีไปเที่ยวระหว่างรอผลตรวจที่บ้านพักและไม่เข้ารับการรักษาเกรงจะหลบหนี

โดยเบื้องต้นผู้ป่วยรายนี้เป็นชายไทย อายุ 33 ปี และมีอาชีพไกด์นำเที่ยวที่ กทม. โดยมีบ้านพักอยู่ที่ อ.แม่สอด และในวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ป่วยได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนในอำเภอแม่สอดด้วยอาการจมูกไม่ได้กลิ่นและมีน้ำมูลคล้ายอาการหวัด

วันที่ 13 ม.ค. ผู้ป่วยเดินทางกลับไปตรวจซ้ำที่โรงพยาบาลเดิม โดยส่งผลตรวจอย่างละเอียดไปที่ห้องปฎิบัติการโรงพยาบาลแม่สอด จากนั้นผู้ป่วยได้เดินทางกลับบ้านพักเพื่อรอผลตรวจ แต่ระหว่างรอผลการตรวจนั้น วันที่ 14 ม.ค. ผู้ป่วยรายนี้ได้ไปท่องเที่ยวกับเพื่อนร่วมงานที่เดินทางมาจาก กทม. ในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสี่ยงแห่งหนึ่งในอำเภอพบพระ และนอนพักค้างคืนที่พื้นที่อำเภอพบพระ โดยเพื่อนที่มาเที่ยวด้วยก็ขับรถยนต์พาผู้ป่วยไปส่งที่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเขตชายแดนอำเภอพบพระ ใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา ก่อนเพื่อนจะเดินทางกลับ กทม. โดยไม่รู้ว่าเพื่อนติดเชื้อโควิด

จนล่าสุดวันนี้เจ้าหน้าที่พยายามจะเดินทางไปหาผู้ป่วยที่บ้านในแม่สอด และพยายามโทรติดต่อแต่ก็ไม่พบตัวผู้ป่วยรายนี้ และคาดอาจจะหลบหนีหลังทราบว่าตนเองเป็นกลุ่มเสี่ยงและมีอาการคล้ายติดโควิด จนเจ้าหน้าที่ต้องตั้งด่านชุมชนในหมู่บ้านเขตอำเภอพบพระ และสามารถตรวจพบตัวผู้ป่วยรายนี้พร้อมกระเป๋าสัมภาระที่บนถนนภายในหมู่บ้านใกล้แนวชายแดนไทย-เมียนมา เขตอำเภอพบพระ จ.ตาก ขณะนี้เจ้าหน้าที่ต้องนำตัวผู้ป่วยกลับไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในอำเภอแม่สอด โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด

ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความวิตกให้ชาวบ้านทั้งสองอำเภอแนวชายแดนเป็นอย่างมาก เนื่องจากในทุกพื้นที่ทุกหมู่บ้าน 5 อำเภอแนวชายแดนจังหวัดตาก มีการตั้งด่านชุมชนบนถนนเลียบแนวชายแดนไทย-เมียนมา การตั้งด่านชุมชนจะมีการตรวจคัดกรองตัวบุคคลเข้าออกหมู่บ้านและตรวจค้นรถทุกคันอย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง จึงทำให้สามารถตรวจคัดกรองและสามารถติดตามนำตัวผู้ป่วยโควิดรายนี้นำกลับไปรักษาได้สำเร็จ