หนุ่มวิศวกรไฟฟ้า ตกงานพิษโควิด ลงแดงห้ามขายเหล้า ดับสลดคาห้อง

หนุ่มวิศวกรไฟฟ้า ลงแดง เสียชีวิตคาห้องพักในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ เซ่นห้ามขายสุราอีกราย เผยพิษ โควิด ทำตกงาน พบปกติเป็นคนชอบดื่มสุรามาก

เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 18 เม.ย. ร.ต.อ.สหรัฐ เทียมไท รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บางพลี รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตภายในห้องพักที่ 108 ชั้นที่ 1 ของอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งตั้งอยู่พื้นที่ม.3 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุพบคราบเลือดจำนวนมากกระจายอยู่บนที่นอน และที่กลางห้องพบศพชายวัย 33 ปี ชาวจ.อุดรธานี เป็น วิศวกรไฟฟ้า ที่จบมาจากสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง นอนหงายเสียชีวิต ใกล้กับพบขวดเหล้าขาวเปล่าวางอยู่ 1 ขวด

ภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้แต่อย่างใด และยังพบกองเลือดและคราบเลือดจำนวนมากตามพื้นห้องและในห้องน้ำ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้าย จึงได้มอบศพให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลรามา สมุทรปราการ

จากการสอบถามเพื่อนข้างห้อง เปิดเผยว่า ผู้ตายมาเช่าห้องแห่งนี้ได้ประมาณ 2 เดือน โดยพักอาศัยอยู่เพียงลำพัง และเคยทำงานเป็นวิศวกรไฟฟ้าอยู่ที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งย่านอ.บางพลี กระทั่งเกิดวิกฤตโควิด-19 โรงงานได้หยุดประกอบกิจการทำให้ผู้ตายตกงาน

เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยเห็นผู้ตายชอบนั่งดื่มสุราที่หน้าห้องพักอยู่เป็นประจำ โดยดื่มครั้งละหลายขวด ต่อมาพอมีคำสั่งประกาศห้ามขายสุรา ทำให้ผู้ตายไม่สามารถหาซื้อสุรามาดื่มได้ จนกระทั่งเพื่อนบ้านเห็นผิดสังเกตที่ปกติยังเห็นผู้ตายออกมานั่งเล่นที่หน้าห้องพัก และคอยทักทายเพื่อน ๆ

เพื่อนข้างห้อง เปิดเผยอีกว่า แต่มาวันนี้ไม่เห็น จึงไปเคาะห้องเรียกแต่ไม่มีเสียงตอบ อีกทั้ง ได้กลิ่นเหม็นคาวคล้ายเลือดโชยออกมา จึงไปงัดบานเกล็ดหน้าต่างดู ก็พบว่าผู้ตายนอนเสียชีวิตอยู่กลางห้องและมีเลือดจำนวนมากบนที่นอนและพื้นห้อง จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า สาเหตุการเสียชีวิตของผู้ตายน่าจะเกิดจากอาการลงแดง จนทำให้ผู้เสียชีวิตอาเจียนเป็นเลือดหลายครั้ง เนื่องจากมีคราบเลือดที่อ่างล้างหน้าในห้องน้ำและบนที่นอน ประกอบกับก่อนหน้านี้ผู้ตายชอบดื่มสุราอย่างหนักทุกวัน กระทั่งมีประกาศห้ามขายสุรา จึงทำให้หาซื้อไม่ได้จนลงแดงเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตาม จะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป