หนุ่มลำปางคลั่ง แค้นถูกญาติหักหลังทั้งแทงทั้งยิง ตาย 2 ศพ สาหัส 1 ก่อนยิงตัวตายหนีความผิด
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 5 มิถุนายน 2563 พ.ต.อ.ภูชิตย์ ตรียัมปราย ผกก.สภ.แม่ทะฯ,พ.ต.ท.สงวน แสงคำ รอง ผกก.สส.สภ.แม่ทะฯ โดย พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพ็ชรตา สว.สส.สภ.แม่ทะฯ พร้อมชุดสืบสวนสภ.แม่ทะ ร.ต.อ.วีระชาติ สุริยา รองสว.สอบสวนสภ.แม่ทะลำปาง แพทย์โรงพยาบาลแม่ทะ มูลนิธิอป.พร.เทศบาลตำบลป่าตัวนาครัวเดินทางตรวจสอบบ้านหน้าบ้านเลขที่ 80 ม.1 บ้านน้ำโท้ง ต.นาครัว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง หลังรับแจ้งว่าเกิดเหตอุกฉกรรจ์ใช้อาวุธปืนยิงกัน มีผู้เสียชีวิตหลายราย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมากพากันจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บริเวณกลางถนนบ้านเกิดเหตุพบผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชายสองราย ส่วนบริเวณที่เก้าอี้หน้าบ้าน เกิดเหตุพบศพผู้ชายนั่งเสียชีวิตอีก 1 ราย โดยมีอาวุธปืนลูกซองสั้นตกอยู่ที่ใกล้เท้า จากนั้นจึงประสานศูนย์พิสูจน์หลักฐานลำปาง เดินทางมาตรวจที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกแทงได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสอีก 1 ราย เป็นผู้หญิง ถูกหามส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว
จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ชีวิตที่นอนตายกลางถนนคือนายอิ่นแก้ว พรมดำ อายุ 70 ปี และนายอำพล สายก้อน อายุ 52 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตที่นั่งเก้าอี้ในบ้านคือนายสมทบ สายก้อน อายุ 51 ปี และเป็นมือปืนที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิงนายอินแก้ว นายอำพล ส่วนผู้หญิงที่ถูกแทงชื่อนางพรรณี สายก้อน อายุ 51 ปี เป็นภรรยาของนายอำพลผู้ตาย
สอบสวนนายแพน พรมดำ อายุ 51 ปี ผู้อยู่ในเหตุการณ์ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะที่ตนกำลังทำกับข้าวก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายหน้าบ้านจึงรีบออกมาดูพร้อมกับนายอิ่นแก้ว ซึ่งเป็นพ่อนางพรรณี และพบนางพรรณีวิ่งมาจากร้านขายของชำตามร่างกายเต็มไปด้วยเลือดเต็มตัววิ่งมาขอความช่วยเหลือก่อนจะล้มฟุบลง โดยมีนายสมทบวิ่งตามมาแล้วพูดว่า”หักหลังกู หักหลังกู” จากนั้นได้ชักปืนลูกซองออกมายิงใส่นายอำพล จนล้มก่อนที่นายสบทบจะกระชากปลอกกระสุนออกแล้วบรรจุกระสุนใหม่ แล้วยิงใส่นายอิ่นแก้วจนล้มตายทั้งสองศพ ส่วนตนวิ่งหนีตาย จากนั้นนายสมทบได้เดินเข้าไปในบ้านนายอิ่นแก้ว นั่งบนเก้าอี้ แล้วใช้ปืนกระบอกเดียวกันยิงตัวตายหนีความผิดจากนั้นจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางมาตรวจสอบ จากชันสูตรพลิกศพนายอำพลถูกยิงเข้าที่ราวนม นายอิ่นแก้ว ถูกยิงเข้าที่หน้าอก ส่วนนายสมทล มือปืนใช้ปืนยังศรีษะตัวเอง อย่างไรก็ตาม ก็ตาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนสาเหตุต่อไป