รีเซต

พ่อเมืองกาญฯลงพื้นที่ ลุยน้ำช่วยเหลือชาวหนองไผ่ หลังฝนถล่ม ล่าสุดระดับน้ำในลำภาชีเริ่มลดลงแล้ว

พ่อเมืองกาญฯลงพื้นที่ ลุยน้ำช่วยเหลือชาวหนองไผ่ หลังฝนถล่ม ล่าสุดระดับน้ำในลำภาชีเริ่มลดลงแล้ว
มติชน
11 ตุลาคม 2563 ( 14:57 )
86

ความคืบหน้ากรณีมวลน้ำจากลำน้ำภาชีเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1 หมู่ 3 หมู่ 4 และหมู่ 6 ต.หนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี สาเหตุมาจากในพื้นที่ดังกล่าวฝนตกหนักติดต่อกันมาหลายวัน กอปรกับมวลน้ำจากพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ไหลมาสมทบอย่างรวดเร็ว โดยทั้ง 4 หมู่บ้านข้างต้นน้ำเริ่มเอ่อล้นลำน้ำภาชีเข้าท่วมตั้งช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา

 

ซึ่ง นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้สั่งการให้ นายอวิรุทธ์ วรกิตติ์ไพศาล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี (ปภ.กจ.) น.ส.เพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่มณฑลทหารบกที่ 17 (มทบ.17) เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 11 (นพค.11) สังกัดหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) กองบัญชาการกองทัพไทย เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ เฝ้าระวังสถานการณ์กันอย่างใกล้ชิด โดยช่วงเวลาประมาณ 20.30 น. ของคืนที่ผ่านมา โดย นายจีระเกียรติ ได้ลงพื้นที่สั่งการด้วยตนเอง

 

ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันนี้ 11 ต.ค.63 นายอวิรุทธ์ วรกิตติ์ไพศาล หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี (ปภ.กจ.) กล่าวว่า เวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา มวลน้ำได้ไหลหลากเข้าท่วมถนนสายอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ที่มุ่งหน้าไปทาง อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร ระดับน้ำอยู่ที่ประมาณ 30-60 เซนติเมตร

 

 

จากกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวและท่วมสูง ทำให้รถจักรยานยนต์ และรถยนต์ขนาดเล็ก ไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ เจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงท่าม่วงที่รับผิดชอบ ต้องปิดเส้นทางการจราจร ด้วยการติดตั้งป้ายเตือนหลักขาว-แดง พร้อมจัดเจ้าหน้าที่หมวดทางหลวงท่าม่วง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ด่านมะขามเตี้ย อยู่เวรประจำที่จุดเกิดเหตุ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการจราจร และแนะนำเส้นทางเลี่ยงที่จะเดินทางไป อบต.หนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย และ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

 

โดยเมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. ที่ผ่านมา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี น.ส.เพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สวมรองเท้าบูทขึ้นท้ายรถยนต์กระบะของทางราชการ เดินทางไปสำรวจจุดเฝ้าระวังน้ำท่วมแม่น้ำลำภาชี สถานี K.62 บริเวณสะพานหินแด้น หมู่ 3 ต.หนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ย พบระดับน้ำอยู่ที่ 5.17 เมตร

 

สำหรับการเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมบริเวณสถานี K.62 ใช้เกณฑ์จากต้นน้ำที่สถานี K.17 อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ที่ระดับน้ำ 4.80 เมตร น้ำจะมาถึงที่สถานี K.61 อ.จอมบึง จ.ราชบุรี ที่ระดับน้ำ 4.65 เมตร การเดินทางของน้ำใช้เวลา 5-7 ชั่วโมง และจากสถานี K.61 ถึงสถานี K.62 การเดินทางของน้ำใช้เวลา 2-5 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับลำน้ำสาขาท้ายสถานี K.61 ที่ไหลลงมาเติม ส่งผลให้น้ำท่วมบริเวณพื้นที่ หมู่ 1 หมู่ 3 หมู่ 4 หมู่ 6 ต.หนองไผ่ อีกสาเหตุหนึ่งคือ ปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ก่อให้เกิดน้ำท่วมขัง เนื่องจากบริเวณนี้เป็นที่ลุ่มต่ำ จึงไม่ใช่เกิดจากน้ำล้นตลิ่งแต่อย่างใด

 

 

หลังจากที่นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมคณะลงพื้นที่สำรวจจุดเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมบริเวณสถานี K.62 สะพานหินแด้นแล้วเสร็จ จากนั้นได้ขึ้นรถยูนิม็อก นำเรือท้องแบน พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ เจ้าหน้าที่ มทบ.17 เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 11 (นพค.11) เจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ เข้าเยี่ยมเยือนและให้ความช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมพื้นที่ หมู่ 3 พบหลายหลังคาเรือนที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยกันยกสิ่งของเอาไปไว้ในที่สูง

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับสถานการณ์หลายปีที่ผ่านมา พบว่าสถานการณ์น้ำท่วมในปีนี้มีความใกล้เคียงกับสถานการณ์น้ำท่วมเมื่อปี พ.ศ.2553 และ พ.ศ.2556 ซึ่งทั้งสองครั้ง ทำให้ถนนเสียหาย 29 สาย สะพานและสถานีสูบน้ำเสียหายอย่างละ 1 แห่ง พื้นที่การเกษตรเสียหาย 7,571 ไร่ บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมกว่า 1 พันหลังคาเรือน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 2,450 คน บ่อปลาเสียหาย 15 แห่ง เป็นต้น

 

 

แต่อย่างไรก็ตามล่าสุดเวลา 12.30 น. เจ้าหน้าที่ส่วนอุทกภัย สำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 ที่ได้ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ตำบลหนองไผ่ อ.ด่านมะขามเตี้ยมาโดยตลอด พบว่าระดับน้ำบริเวณจุดเฝ้าระวังภัยน้ำท่วมสถานี K.62 สะพานหินแด้น มวลน้ำเริ่มลดระดับลงแล้ว สำหรับพื้นที่การเกษตร รวมทั้งบ้านเรือนประชาชน และถนนสายต่างๆ และทรัพย์สินอื่นๆ ที่ได้รับความเสียหาย จะต้องรอให้สถานการณ์น้ำท่วมเข้าสู่สภาวะปกติเสียก่อน จึงจะสามารถเข้าทำการสำรวจได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง