รีเซต

เปิดสาเหตุ ทำไมคนไทยแห่เที่ยว "ฉงชิ่ง" เมืองรองจีนทำถึง โตแกร่ง โกยรายได้

เปิดสาเหตุ ทำไมคนไทยแห่เที่ยว "ฉงชิ่ง"  เมืองรองจีนทำถึง โตแกร่ง โกยรายได้
TNN ช่อง16
24 ธันวาคม 2568 ( 08:00 )

เปิดสาเหตุ ทำไมคนไทยแห่เที่ยว "ฉงชิ่ง"  เมืองรองจีนทำถึง โตแกร่ง โกยรายได้ 


คนไทยแห่ไปเที่ยวฉงชิ่ง เมืองรองของจีนที่มาแรงที่สุดในวันนี้ ส่วนหนึ่งวัดได้จากกระแสของอินฟลูเอนเซอร์ในไทยที่มีการทำคลิปเดินทางท่องเที่ยวฉงชิ่งออกมาอย่างมากมาย หรือแม้กระทั่งเพื่อนๆ คนรู้จัก หรือคนใกล้ตัวของเราเอง ก็จะเห็นว่าในโซเชียลมีเดีย มีคนลงทริปการเดินทางไปฉงชิ่ง ไปเช็คอิน ถ่ายรูปอวดกันมากขึ้น ไม่น้อยหน้าการไปเที่ยวญี่ปุ่นเลย 


ปรากฎการณ์ฉงชิ่งฟีเวอร์ครั้งนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่แค่เราคิดไปเอง เพราะล่าสุดอีกหนึ่งข้อมูลที่ยืนยันการันตีอย่างชัดเจน ก็คือ ข้อมูลจากทาง Trip.com Group ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก ล่าสุดเปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Trip.Best Roadshow: Southeast Asia Travel Trends Unpacked  หนึ่งในข้อมูลน่าสนใจและสำคัญ คือ กลุ่มของนักท่องเที่ยวชาวไทย ที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คนไทยหันมาสนใจท่องเที่ยวในเมืองรองของจีนมากขึ้น และยังมีการปรับสไตล์การท่องเที่ยว จากเดิมคือการท่องเที่ยวแบบเข้าชมสถานที่ ไปสู่การท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แทน


นอกจากนี้ข้อมูลของ Trip.Best ในปี 2568 พบว่า ฉงชิ่ง ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย โดยยอดการเข้าชมบน Trip.Best เพิ่มขึ้นถึง 395% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดจองพุ่งสูงถึง 828% 


ฉงชิ่ง (Chongqing)  คือ  นครระดับมณฑลของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ มีสถานะเทียบเท่ามณฑล เป็นหนึ่งใน 4 นครที่ขึ้นตรงต่อรัฐบาลกลาง ร่วมกับปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน 


สำหรับปัจจัยที่ทำให้ฉงชิ่ง น่าไปเที่ยวสำหรับคนไทย คือ การขึ้นชื่อเรื่องอาหาร ที่ผู้คนเลื่องลือว่ามีรสชาติที่จัดคล้ายกับอาหารไทย โดยเฉพาะหม้อไฟหม่าล่า พร้อมกันนี้ฉงชิ่งยังเป็นเมืองใหญ่บนภูเขาและมีแม่น้ำที่สวยงาม มีแหล่งท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมหรือจีนโบราณที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่น รวมไปถึงสาวๆหลายคนนิยมไปเช่าชุดแต่งหน้าแบบจีนโบราณย้อนยุคเพื่อถ่ายรูป 


เมืองรองแห่งนี้ ยังมีที่เที่ยวสำคัญ เช่น หงหย่าต้ง (Hongya Cave) ย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำที่สวยที่สุดตอนกลางคืน ถนนคนเดินเจี่ยฟ่างเป่ย ซึ่งเป็นศูนย์กลางช้อปปิ้ง กระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซี ที่สามารถชมวิวเมืองมุมสูง หมู่บ้านโบราณฉือชี่โข่ว ที่ได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค และยังมีผาหินแกะสลักต้าจู๋ มรดกโลกด้านศิลปะในพระพุทธศาสนา รวมไปถึงที่เที่ยวดังอย่างอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ หรือ Three Natural Bridges (Wulong Karst) ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลก ทำให้เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ มีบางส่วนเป็นโพรงทะลุราวกับสะพานที่ทอดข้ามระหว่างภูเขา โดยมีไฮไลต์อยู่ที่การเดินป่าในเส้นทางชมธรรมชาติ


ทั้งหมดนี้ล้วนแต่ตอบโจทย์การท่องเที่ยวยุคใหม่ เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ จนทำให้ฉงชิ่งกลายเป็นปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทยที่กำลังมองหาประสบการณ์อย่างแท้จริง นอกเหนือจากจุดหมายปลายทางแบบดั้งเดิม


นายเอ็ดมันด์ ออง ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และผู้จัดการทั่วไป Trip.com ประเทศสิงคโปร์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวไทยกำลังให้คำนิยามใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการเที่ยวชมสถานที่แบบเดิม ๆ มาสู่การดื่มด่ำและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมมากขึ้น


ทั้งนี้ข้อมูลจาก Trip.Best ยังพบอีกว่า ผู้ใช้งานชาวไทยใช้เวลาเฉลี่ย 6 วัน ในการค้นคว้าข้อมูลก่อนตัดสินใจจองการเดินทาง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการประสบการณ์ที่วางแผนมาอย่างดี เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานจากประเทศอื่นๆ 



คนไทยแห่เที่ยวจีนตามกระแส "KOL-อินฟูลเอนเซอร์"

 

การท่องเที่ยวจีนมาแรงส่วนหนึ่งจากการเปิดวีซ่าฟรี แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น คือคนที่สร้างแรงบันดาลใจ หรือกระตุ้นให้คนไทยไปเที่ยวจีน ก็คือเหล่าอินฟลู KOL คนดังต่างๆในโซเชียล ที่มีอิทธิพลชี้นำเราได้


ข้อมูลจาก Trip.com Group ระบุว่า อิทธิพลของ KOL กำหนดการตัดสินใจท่องเที่ยวของคนไทย สอดคล้องกับระบบนิเวศดิจิทัลของไทยที่ผู้บริโภคกว่า 95% ค้นหาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผ่านคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ โดยจากข้อมูล Trip.Best พบว่า 


47% ของผู้ใช้งานแบบครอบครัวเลือกติดตามอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวที่แชร์ประสบการณ์จริง

45% ของนักท่องเที่ยวที่สำรวจในปี 2568 ค้นหาไอเดียทริปล่าสุดจากโพสต์โซเชียลมีเดียของ KOL ไทย เพิ่มขึ้นจาก 28% ในปี 2567

ยอดสั่งซื้อโดยตรงผ่านรหัสโปรโมชั่นของ KOL เพิ่มขึ้นสูงถึง 120%


ที่สำคัญคือความสำคัญในการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของฉงชิ่งไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากความตั้งใจของรัฐบาลจีนและรัฐบาลนครฉงชิ่งที่เดินหน้าผลักดันการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ ภายใต้แผนแม่บทด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 (ปี 2021–2025) โดยตั้งเป้ายกระดับฉงชิ่งสู่การเป็น “เมืองท่องเที่ยวระดับโลก” ภายในปี 2025 ผ่านการบูรณาการทรัพยากรวัฒนธรรมเข้ากับอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริการสาธารณะ และสนับสนุนภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ


ในระดับนานาชาติ ฉงชิ่งกำหนดยุทธศาสตร์พัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวระดับโลก หรือ world travel hub โดยใช้แคมเปญการตลาดเชิงรุกในต่างประเทศ ควบคู่กับการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์ เช่น เส้นทางท่องเที่ยวภูเขา แม่น้ำแยงซี และวัฒนธรรมท้องถิ่น 


รัฐบาลท้องถิ่นได้เร่งปรับปรุงบริการที่สนามบินและด่านศุลกากรให้ผ่านเข้าออกได้รวดเร็วขึ้น รวมถึงการขยายจุดให้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม (tax refund) และระบบคืนภาษีในวันเดียว เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ


พร้อมกันนี้ยังเดินหน้าแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวขาเข้า มุ่งปรับปรุงนโยบายวีซ่าให้เป็นมิตร อำนวยความสะดวกด้านระบบคมนาคม เพิ่มบริการหลายภาษาและระบบชำระเงินสากล ตลอดจนพัฒนาทักษะบุคลากรด้านการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น


และยังมีการผลักดันการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ เพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างฉงชิ่งกับเมืองสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐอเมริกา พร้อมขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวในระดับภูมิภาคพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง