รีเซต

ทบ.โต้โฆษกกัมพูชาบิดเบือน ย้ำปฏิบัติการไทยทำตามหลักสากลในเขตแดนไทย

ทบ.โต้โฆษกกัมพูชาบิดเบือน ย้ำปฏิบัติการไทยทำตามหลักสากลในเขตแดนไทย
TNN ช่อง16
18 กันยายน 2568 ( 12:50 )
26
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว กลายเป็นประเด็นร้อน หลังโฆษกรัฐบาลและกระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงข่าวเมื่อวันที่ 17 กันยายน กล่าวหาฝ่ายไทยใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนและพระสงฆ์ชาวกัมพูชา กองทัพบกไทยจึงออกมาชี้แจงทันทีว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริงหลายประการ พร้อมย้ำว่าการดำเนินการทั้งหมดอยู่ในเขตอธิปไตยไทยและปฏิบัติตามมาตรฐานสากล

พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า พื้นที่เกิดเหตุเป็นดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ไม่ได้อยู่ในเขตอ้างสิทธิ์ของกัมพูชา กลุ่มชาวกัมพูชาที่รวมตัวกันเป็นผู้บุกรุกเข้ามาอยู่อาศัยอย่างผิดกฎหมาย และที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ประท้วงอย่างเป็นทางการหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการแก้ไขจากทางกัมพูชา การควบคุมสถานการณ์ครั้งนี้จึงเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนและฝ่ายปกครองในพื้นที่ ไม่ใช่ทหารตามที่ถูกกล่าวหา



กรณีที่กัมพูชาอ้างว่าเจ้าหน้าที่ไทยยิงกระสุนยาง ใช้แก๊สน้ำตา และเครื่องเสียงทำลายประสาทหู พลตรี วินธัย ชี้แจงว่าการใช้มาตรการเหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาอย่างสันติไม่สำเร็จ โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่มีท่อนไม้ยาวคล้ายอาวุธและพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่ไทย รวมถึงรื้อถอนสิ่งกีดขวาง การใช้กำลังจึงเป็นไปตามหลักสากลและเพื่อป้องกันตนเอง

อีกข้อกล่าวหาที่กัมพูชาระบุว่าไทยใช้ความรุนแรงต่อพระสงฆ์และประชาชน กองทัพบกไทยกลับมองว่าเป็นผู้ชุมนุมกัมพูชาที่ใช้ความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ไทย จนฝ่ายไทยจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยวิธีควบคุมฝูงชน ขณะเดียวกันไทยยังประณามการที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาไม่จริงใจในการแก้ปัญหาและกลับสนับสนุนการชุมนุม


สำหรับข้อเรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิง กองทัพบกโต้ว่าเป็นฝ่ายกัมพูชาเองที่ละเมิดข้อตกลง ด้วยการสนับสนุนมวลชนรุกล้ำดินแดนและออกแถลงการณ์บิดเบือนต่อสายตาสังคมโลก ขณะที่ไทยพยายามแก้ไขปัญหาด้วยความอดทนและยับยั้งเหตุไม่ให้บานปลายไปสู่การปะทะด้วยอาวุธ

ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบกได้ย้ำว่า พื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตไทย การที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาทำลายสิ่งของทางราชการ และก่อการจลาจลบนแผ่นดินไทย เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงต้องถูกดำเนินการตามกระบวนการ และยืนยันการดำเนินการของฝ่ายไทยเป็นไปตามขั้นตอนตั้งแต่การเจรจา แจ้งเตือน และควบคุมการจลาจลตามหลักสากลโดยใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับฝ่ายปกครอง ที่สำคัญพบว่าเจ้าหน้าที่ทหารของกัมพูชาที่ร่วมในเหตุการณ์กลับไม่ห้ามปราม และมีท่าทีสนับสนุนการจลาจล นอกจากนี้หลังเกิดเหตุการณ์ฝ่ายกัมพูชายังออกแถลงการณ์บิดเบือนข้อมูล ทั้งหมดนี้แสดงถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาในการใช้ประชาชนออกหน้าในการรุกล้ำดินแดนไทย และความไม่จริงใจในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ชายแดนตามข้อตกลงหยุดยิง ย้อนแย้งกับภาพลักษณ์ที่รัฐบาลกัมพูชาพยายามสร้างต่อสังคมโลกว่าเป็นผู้แสวงหาสันติภาพ .

ข่าวที่เกี่ยวข้อง