รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
26 มกราคม 2567 ( 09:39 )
24

#ทันหุ้น-บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,370-1,382 จุด โดยกลุ่มพลังงานคาดนำตลาดหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นแรง โดยล่าสุด Brent ขึ้นมายืนเหนือ US$82 ต่อบาร์เรล ขณะที่ตัวเลข GDP 4Q23 ออกมาแข็งแกร่งกว่าคาด +3.3% q-q SAAR และทำให้ GDP ปี 2023 +2.5% เร่งตัวจากปี 2022 ที่ +1.9% ดีกว่าที่ตลาดเคยมองว่าจะชะลอตัวลง ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามคืนนี้คือตัวเลขเงินเฟ้อ PCE เดือน ธ.ค. ตลาดคาด Core PCE +0.2% m-m, +3% y-y หากออกมาตามคาดหรือต่ำกว่าคาดจะยิ่งตอกย้ำและทำให้ตลาดเพิ่มความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยของ FED มากขึ้น ล่าสุดความน่าจะเป็นในการลดดอกเบี้ยเดือน มี.ค. ขยับขึ้นมาที่ 50% จาก 40% ในช่วงก่อนหน้า 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกเดือน ธ.ค. (ตลาดคาด +6% y-y) และโฟกัสหลักยังอยู่ที่การทยอยคาดการณ์และประกาศกำไรฝั่ง Real Sector ของบจ.ว่าจะฟื้นตัวได้ดีมากน้อยเพียงใดรวมถึงการปรับประมาณการปี 2024 หลังจากนั้น ภาพรวมเรายังมองการปรับฐานของดัชนีตั้งแต่ต้นปียังทำให้ภาพระยะกลาง-ยาวน่าสนใจในการลงทุนจาก Valuation ที่ดึงดูดมากขึ้น โดยปัจจุบันเทรด 2024PER ราว 14.5 เท่าและมี EY Gap ที่กว่า 4.2% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต

 

กลยุทธ์ : เลือกหุ้นที่โมเมนตัมกำไร 4Q23-2024 แข็งแกร่งและ PER/PBV ต่ำเทียบกับ Pre-Covid

หุ้นเด่นเดือน ม.ค.:  CHG, COM7, GFPT, SAPPE, SAWAD

 

หุ้นเด่นวันนี้ : CPALL

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 77 บาท

• เราคาดกำไร 4Q23 แข็งแกร่งที่ 4.7 พันลบ. +11% q-q, +63% y-y หนุนจากยอดขายที่เติบโตของทั้ง 3 ธุรกิจทั้ง CVS Wholesale และ Retail ที่มี SSSG เป็นบวก ส่วนค่าใช้จ่ายยังควบคุมได้ดี รวมถึงได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยของ CPAXT ที่ลดลงหลัง Refinance

• เราปรับประมาณการกำไรปี 2023-24 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.72 หมื่นลบ. +30% y-y และ 2 หมื่นลบ. +16% y-y จากผลการดำเนินงาน Lotus’s ที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ราคาหุ้นปัจจุบันเทรด 2024PER เพียง 23.7 เท่า ต่ำกว่าในอดีตที่ 30 เท่า

• แนวรับ 51.50//50.50 บาท แนวต้าน 54//56.50 บาท

 

**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ จะแกว่งตัวผันผวน แรงซื้อในตลาดหุ้นจีนชะลอลง ตลาดไม่ได้มีข่าวบวกใหม่ๆ โดยตลาดหุ้นไทย ช่วงที่ผ่านมาถูกปัจจัยกดดันทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ดัชนีฯ ลงมาตามลำดับนับตั้งแต่ต้นปี (คาดว่าดัชนีฯผ่านจุดสูงสุดรอบแรกของปีไปแล้ว เมื่อ 5 ม.ค. ที่ 1438 จุด) การดีดตัวขึ้นในวันก่อน หลังแตะ low ที่ 1354 จุด ด้วยข่าวบวกของจีน ทำให้เรายังสงสัยว่า ตลาดจะกลับตัวไปได้จริงๆ หรือไม่ และถ้ากลับตัว น่าจะยืนเหนือ 1380 จุดได้ หรือบวกติดๆกันหลายวัน .... โดยวันนี้ ยังเป็นอีกวันที่ดัชนีฯ จะต้องพิสูจน์ตัวเองว่า เป็นแค่ Technical Rebound หรือผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว โดยใช้ 1380 จุด เป็นตัวชี้วัน (ยืนสูงกว่าจุดนี้จะดี)

 

• ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนี Dow Jones +242 จุด ไม่แรงมาก แต่มีสัญญาณที่คือ นักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะเป็น soft landing คือจะไม่ลงแรงหลังกำไรตลาดและตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี (GDP 4q(4) ที่ 3.3% (คาด 1.8-2.0%) อีกทั้ง เงินเฟ้อเริ่มชะลอตัวลง ทำให้ราคาหุ้นของสหรัฐฯ เดินหน้าติดต่อกันมาหลายวัน อย่างไรก็ตาม event สำคัญ ของตลาด คือ ประชุม FOMC ในสัปดาห์หน้า (31 ม.ค.) เราประเมินตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ Flow ในตลาดเอเซีย น่าจะชะลอตัวลงในวันนี้ ไปจนถึงวันประชุม FOMC

 

• ตลาดหุ้นจีน หลังดัชนีฯเดินหน้า 3 วัน (ดัชนี CSI300 +4.8%) แรงซื้อเริ่มน้อยลง นักลงทุนกลับมาประเมินมาตรการที่จีนออกมาว่ามี impact ขนาดไหนต่อตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ ... เราคำนวณ การลด RRR ของจีน 0.50% มีผล 5 ก.พ. จะทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบ(การกู้) $1.39 แสนล้านเหรียญ หรือ 0.43% ของเงินกู้ทั้งระบบธนาคารของจีน เราน่าจะเห็นผลหลังจาก 5 ก.พ.

 

• ราคาน้ำมัน Brent เช้านี้ $82 เหรียญ ได้อานิสงค์จากสถานการณ์ตะวันออกกลาง (ทะเลแดง) ที่ตึงเครียด ตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ออกมาดี  เรามองเป็นบวกต่อ PTTEP, TOP

 

• VISA free ของจีน กับประเทศอื่นๆ ทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน มายังไทยสูงขึ้น บวกต่อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว (ERW, CENTEL, AAV)  โดย AOT อาจมีประเด็นในเรื่องการขึ้นค่าเช่าที่ดิน

 

•ตัวเลขเศรษฐกิจและ event สำคัญๆ วันนี้  ตัวเลขส่งออกของไทย เดือน ธ.ค. คาด 5.1% (เดือนก่อน 4.9%) และตัวเลข PCE ของสหรัฐฯ คาด 2.6% เท่ากับเดือนก่อน

 

Strategy

• แม้ตลาดหุ้นจีนจะเดินหน้าต่อ แต่นักลงทุนในตลาดหุ้นไทย ใช้จังหวะนี้ขายทำกำไร ทั้งนี้ เป็นสัญญาณที่ยืนยันว่า ตัวแปรในทางลบยังมีอยู่ กลยุทธ์ในวันนี้ จึงวางบนตลาดที่เป็นแค่ Technical Rebound ไว้ก่อน 

• theme ลงทุนยังเป็นเน้นเล่นสั้นๆ หุ้นที่ตรงเงื่อนไข 3 เรื่องนี้ “กำไรดี-โรงพยาบาล-ราคาลงลึก” หุ้นที่อยู่ใน list วันนี้ จะเป็น SISB, LH , MASTER, BEM, RBF

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ TRUE* ออก และนำ BEM เข้ามา หุ้นในพอร์ตวันนี้ ประกอบไปด้วย BEM(10%), KTB(10%), BCH(10%), KCE*(10%), BDMS(10%)

 

Technical :  CCET, JPARK

 

**ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด  ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบ 1,370 – 1,390 รอรายงานกำไร บจ.Q4/66 และ US PCE ธ.ค. แนะนำทยอยซื้อ AOT,MINT,CENTEL,ERW,SPA,TKN จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น / เก็งกำไร PTT,PTTEP,TOP,BCP (+ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น & ม.กระตุ้นเศรษฐกิจจีน )  

 

PTTEP (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย 175.00 บาท) ระยะสั้นได้รับ sentiment บวกจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น หนุนจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกลางจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน โดยกลุ่มฮุตีในเยเมนประกาศเดินหน้าโจมตีเรือบรรทุกสินค้าทุกลำที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอล นอกจากนี้ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์เศรษฐกิจจีนจะฟื้นตัวหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) 0.50% เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

MEGA* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 51.75 บาท) กำไรสุทธิงวด 9M66 อยู่ที่ 1,519 ลบ.,-17.4%YoY ปรับตัวลดลงจาก Inventory ลูกค้าที่สูงในช่วงCovid-19, การขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ, และปัญหาการเมืองในพม่า อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มการดำเนินงานช่วง 4Q66 มีโอกาสเห็นการฟื้นตัวได้ YoY จากฐานต่ำใน4Q65 ส่วนปี67นี้ ทาง MEGA* วางเป้าการเติบโตของรายได้ +5-10%YoY คาดว่าคู่ค้าที่ตุนสินค้าไว้ในช่วงCovid-19 จะกลับมาหลัง Inventory ลดลงควบคู่ไปกับสินค้าใหม่ๆที่ออกของทางบริษัท/ วางงบลงทุนปี67 ที่ 590 ลบ.(โรงงานที่ไทย 40 ลบ./ โรงงานที่อินโดนีเซีย 510 ลบ./ ESG 40 ลบ.) ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรสุทธิปี66 และ ปี67 ของ MEGA* ที่ 2,113 ลบ. (-5.8%YoY) และ 2,440 ลบ.(+15.5%YoY)

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง