อั้นมานาน!! 'บิ๊กแป๊ะ' บินแถลงจับกุม 2 ผู้ค้ายารายใหญ่ที่นราฯ ชี้ขบวนการค้ายาเร่งส่งของหลังปลดล็อก
อั้นมานาน!! ‘บิ๊กแป๊ะ’ บินแถลงจับกุม 2 ผู้ค้ายารายใหญ่ที่นราฯ ชี้ขบวนการค้ายาเร่งส่งของหลังปลดล็อก
ยาเสพติด – เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 3 กรกฎาคม ที่กองบังคับการตำรวจภูธร จ.นราธิวาส บริเวณศูนย์ราชการ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางลงพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยมี พล.อ.จตุพร กลัมพสุต ผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ภ.9 พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผบช.ตำรวจปราบปรามยาเสพติด นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส พล.ต.ต.นรินทร์ บูสะมัญ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส และผู้เกี่ยวข้องต้อนรับ เมื่อ ผบ.ตร.และคณะเดินทางมาถึง ได้ประชุมเพื่อหารือเป็นการภายในประมาณ 10 นาที โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนรับฟัง ก่อนจะเปิดแถลงข่าวผลการปฏิบัติการตามยุทธศาสตร์การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยล่าสุดในพื้นที่ จ.นราธิวาส จำนวน 2 คดีสำคัญ
คดีแรก เจ้าหน้าที่กำลังร่วม 3 ฝ่าย ประกอบด้วย สภ.มูโนะ ฉก.นราธิวาส 30 และศูนย์ปฏิบัติการยาเสพติด อ.สุไหงโก-ลกได้ จับกุมตัว 2 ผู้ต้องหาขนยาเสพติด (ไอซ์) ล็อตใหญ่ในพื้นที่ จ.นราธิวาส โดยผู้ต้องหาประกอบด้วย นายสมชาย เทียนเครือ อยู่บ้านเลขที่ 49/7 ม.4 อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช และนายคำรณ จันทมณี อยู่บ้านเลขที่ 82/3 ม.2 ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา พร้อมยาไอซ์ ที่บรรจุใส่ไว้ในกระสอบ 35 กระสอบ น้ำหนัก 1,425 กิโลกรัม ที่บรรทุกมากับรถยนต์บรรทุก 18 ล้อ แบบหัวลาก ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 70-5823 สุราษฎร์ธานี ได้ปนปะมากับสินค้าเหล็กเส้น เพื่อรอส่งให้นายอาแว เมาะบากอ ที่จอดรออยู่ปากทางเข้าบ้านปะดาดอ ต.นานาค อ.ตากใบ จ.นราธิวาส โดยในช่วงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 2 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
พ.ต.อ.จำรัส รุ่งเรือง ผกก.สภ.มูโนะ รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่จะมีการลักลอบขนยาเสพติดล็อตใหญ่ มาส่งให้เอเย่นต์รายใหญ่ในพื้นที่ จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตากใบ เพื่อร่วมสกัดกั้น และจับกุม โดยให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและฝ่ายป้องกันและปราบปรามนั่งรถยนต์ตรวจสอบ กระทั่งพบรถยนต์บรรทุก 18 ล้อแบบหัวลาก จอดอย่างมีพิรุธบนถนนปากทางเข้าบ้านปะดาดอ ต.นานาค อ.ตากใบ เจ้าหน้าที่จึงได้จอดรถแ ละพูดคุยกับนายสมชาย เทียนเครือ คนขับ และนายคำรณ จันทมณี ที่นั่งคู่กันมาด้วย โดยขอความร่วมมือให้เคลื่อนย้ายรถคันดังกล่าว เพื่อนำมาตรวจค้นที่จุดตรวจหน้า สภ.มูโนะ เนื่องจากจุดจอดรถหัวลากเป็นพื้นที่เปลี่ยว ไม่เอื้ออำนวยต่อการตรวจค้น และเมื่อถึงบริเวณหน้าจุดตรวจ เจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายสมชาย และนายคำรณ ลงจากรถ และต้องตกตะลึงเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ที่บริเวณตัวถังต่อจากข้อต่อหัวลากของรถยนต์บรรทุก 18 ล้อ มียาไอซ์ 35 กระสอบ น้ำหนัก 1,425 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ โดยมีผ้าใบกันฝนปิดทับเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ขณะขนย้าย สำหรับยาไอซ์ล็อตใหญ่นี้ เมื่อส่งผ่านไปยังประเทศเพื่อนบ้าน จะมีมูลค่ากว่า 427 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ให้การว่า ได้บรรทุกขี้เลื่อยจาก จ.สุราษฎร์ธานี และนำไปส่งใน อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อแล้วเสร็จได้บรรทุกเหล็กเส้นจาก อ.บางกระดี่ จ.สมุทรสาคร ไปจอดที้ปั๊มไข่มุก และเดินทางลงใต้ก่อน จะได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าจะนำรถบรรทุกไปใส่ของผิดกฎหมาย โดยไม่รู้ว่าเป็นยาเสพติด ก่อนที่จะสับเปลี่ยนคนขับ จากนั้นนำรถมาจอดที่เดิม นายสมชายผู้ต้องหาจึงได้ขับรถโดยมีนายคำรณนั่งมาด้วยจนถึง อ.สุไหงโก-ลก ก่อนจะมาถูกจับกุมดังกล่าว
ส่วนคดีที่ 2 ชุดจับกุมปราบปรามยาเสพติดร่วมจับกุมนายวันอาสลัน แวมูซอ สมาชิกสภาเทศบาล ต.แว้ง อ.แว้ง พร้อมพวกรวม 7 คน ซึ่งภายหลังถูกจับทั้งหมดรับสารภาพว่าทำหน้าที่สั่งการ รับติดต่อ รับลำเลียง พักยา ฝังกลบ และเผาทำลายยาเสพติด โดยของกลางที่ตรวจยึดได้คือ ยาเสพติดประเภท 1 (เฮโรอีน) 36 ถุง น้ำหนัก 6.3 กิโลกรัม ทั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากการแจ้งเบาะแสจากสายข่าวว่าจะมีการลำเลียงพัสดุจาก ถ.รัชดาภิเษก กทม.ปลายทาง อ.สุไหงโก-ลก จึงได้ติดตามเป้าหมาย จนพบว่ามีกลุ่มบุคคลมารับพัสดุที่สถานีรถไฟสุไหงโก-ลก จึงได้สะกดรอยตามไปจนถึงบ้านพักใน อ.แว้ง ก่อนบุกเข้าตรวจค้น และจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 7 คน และจากการซักถามรับว่าทำมาแล้วหลายครั้ง มีนายทุนประเทศเพิ่อนบ้านเป็นผู้สั่งการ และจะนำยาเสพติดไปส่งใน อ.สุไหงโก-ลก ชุดจับกุมจึงได้ตรวจยึดทรัพย์ของกลาง อาทิ บ้านพร้อมที่ดิน 5 หลัง รถยนต์จำนวน 9 คัน จักรยานยนต์อีก 4 คัน และทรัพย์สินอื่นๆ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท และจะทำการขยายผลต่อไป
ด้าน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.กล่าวว่า หลังจากเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 ทำให้กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดต้องชะลอสินค้าเป็นจำนวนมาก เมื่อมีการปลดล็อก ทำให้ต้องรีบส่งของที่ถูกอั้นมานานหลายเดือน ส่วนกลุ่มนายทุนตอนนี้ อยู่ระหว่างการขยายผลสู่ตัวการใหญ่ที่ทราบเบาะแสแล้ว โดยต้นทางมาจากทางภาคเหนือ อีกทั้ง ยังถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกด้วย