หุ้นไทยยัง 'ไร้เสน่ห์'! นักวิเคราะห์ชี้ตลาดยังไม่พ้นจุดต่ำสุด

บล.ไอร่า ย้ำมุมมองเชิงลบต่อตลาดหุ้นไทย (ณ 17 มิ.ย. 68) ชี้ตลาดยังไม่ผ่านจุดต่ำสุดและมีแนวโน้ม "ซึมลง" ต่อเนื่องจาก "ปัญหาเชิงโครงสร้าง" ที่ฝังรากลึก ทำให้ "ไร้เสน่ห์" และ Underperform ตลาดหุ้นโลกอย่างมาก แนะกลยุทธ์ที่ดีที่สุดสำหรับหุ้นไทยคือ "รอจังหวะ Panic" หรือตลาดปรับฐานรุนแรง (อาจหลุด 1,000 จุด) จึงเป็นโอกาสเข้าซื้อหุ้นใหญ่พื้นฐานดีอย่าง KBANK, ADVANC ในราคาที่เหมาะสม
ทำไมหุ้นไทย "ไร้เสน่ห์" และยังซึมลง?
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า จำกัด (มหาชน) วิเคราะห์ว่า การที่ตลาดหุ้นไทยยังคงซบเซาและปรับตัวลงต่อเนื่อง สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ได้นั้น สาเหตุหลักไม่ได้มาจากประเด็นสงครามการค้าเพียงอย่างเดียว แต่เกิดจาก ปัญหาเชิงโครงสร้างของเศรษฐกิจไทย ที่หยั่งรากลึก
"หลักๆ ผมก็ยังมองเหมือนเดิมว่ามันเป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างแหละ ซึ่งเราเองเนี่ยพึ่งพิงต่างชาติมากเกินไป...เราไม่มีการอัดเงินงบลงทุนไปในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ ให้มันเกิดการ Investment เพิ่มขึ้น" นายณรงค์เดชกล่าว
การขาดเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ๆ ทำให้ GDP ของไทยมีแนวโน้มเติบโตในระดับต่ำต่อเนื่องไปอีกหลายปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยกำลังอยู่ในช่วง "ปรับสมดุลใหม่" เพื่อหาระดับ P/E ที่เหมาะสมกับศักยภาพการเติบโตที่ลดลง ซึ่งปัจจุบันที่ดัชนีระดับ 1,140 จุด (P/E ~12 เท่า) ยังถือว่าไม่น่าดึงดูดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาคที่มีหุ้นเติบโตสูงกว่า
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทย: "รอ Panic" คือโอกาสที่ดีที่สุด
ในภาวะตลาดหมีเช่นนี้ บล.ไอร่าไม่แนะนำให้รีบเข้าลงทุน แต่ชี้ว่ากลยุทธ์ที่ดีที่สุดคือ การอดทนรอจังหวะที่ตลาดเกิดความตื่นตระหนก (Panic) และมีการเทขายอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเห็นดัชนีหลุด 1,000 จุด
"เมื่อไหร่ก็ตามที่ตลาดมันมีจังหวะในการแครช ร่วงลงไปต่ำ 1,000 เนี่ย มันก็ถือว่ามันมีความน่าสนใจ...เราต้องรอจังหวะ Panic อ่ะ ก็คือตลาด Panic เมื่อไหร่ หุ้นที่ดีที่มันอยู่ด้านบน มันมีจังหวะของการโดนทุบลงมา อันเนี้ยมันเป็นจุดที่เรียกว่าน่าสนใจ"
หุ้นเป้าหมายสำหรับ Panic Buy: เน้นหุ้นใหญ่ (Big Cap) ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งและกำไรยังเติบโตดี ซึ่งราคาอาจถูกทุบลงมาพร้อมตลาด เช่น
KBANK: หากราคาย่อตัวลงมาในโซน 130-145 บาท จะน่าสนใจมาก
ADVANC: มีแนวโน้มเติบโตดีจากธุรกิจ Data Center และ Cloud หากราคาถูกเทขายลงมาจะเป็นโอกาสดี
กลุ่มที่ต้องจับตา (Watchlist):
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA): ราคาปรับลงมามากจน Valuation เริ่มสมดุล (P/E ~15 เท่า) ต้องรอ ดูงบไตรมาส 2 หากมีสัญญาณการฟื้นตัวของกำไร กลุ่มนี้จะกลายเป็นธีมที่น่าสนใจมากสำหรับครึ่งปีหลัง
คำเตือนสำหรับหุ้นปันผล: การดูอัตราปันผลย้อนหลังเพียงอย่างเดียวมีความเสี่ยงในภาวะเศรษฐกิจโตต่ำ เพราะกำไรในอนาคตอาจไม่เติบโต ควรเลือกลงทุนในบริษัทที่กำไรยังทรงตัวหรือเติบโตได้บ้าง และเข้าซื้อในจังหวะที่ตลาด Panic เช่นกัน
วิเคราะห์ปัจจัยรอบด้าน: ดอกเบี้ย ทองคำ และบิตคอยน์
ทิศทางดอกเบี้ย: บล.ไอร่าคาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมรอบนี้ (ตลาดคาดการณ์โอกาส 99.9%) แต่ต้องจับตา Dot Plot ที่จะส่งสัญญาณทิศทางในอนาคต ส่วน กนง.ของไทยมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1-2 ครั้งในปีนี้
ทองคำ: อยู่ในช่วงรอเลือกทิศทางและอาจพักตัว 2-3 เดือนหาก MACD ในกราฟรายสัปดาห์ตัดลง (แนวรับสำคัญที่ไม่ควรหลุดคือ $3,250) ในระยะสั้นเป็นการเทรดในกรอบ ไม่ได้มีแนวโน้มชัดเจน
บิตคอยน์: อยู่ในรูปแบบสามเหลี่ยมรอเลือกทิศทางเช่นกัน โดยแกว่งในกรอบ $109,500 - $114,500 การขึ้นมาใกล้จุดสูงสุดเดิมเริ่มมีสัญญาณ Bearish Divergence ทำให้ Upside ระยะสั้นจำกัดและอาจมีการพักตัว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
