แจงดราม่า พระสร้างบ้านอยู่กับสีกา เจ้าคณะจังหวัดนิมนต์ให้ออกจากพื้นที่แล้ว
แจงดราม่า พระสร้างบ้านอาศัยอยู่กับสีกา พบเป็นพี่น้องกัน เจ้าคณะจังหวัดสงขลาเรียกสอบ เตือนห้ามไปพักที่บ้านหลังนี้ถ้าไม่จำเป็น ให้ออกจากพื้นที่ทันที
กรณีเพจอยากดังเดี่ยวจัดให้รีเทิร์นPART1 โพสต์ภาพพระสงฆ์อยู่บ้านกับผู้หญิงเพียงลำพัง พร้อมข้อความ”ใส่สบงแล้วทรงมาปลูกบ้านอยู่กับสีกาได้หร่อ เจ้าหน้าคณะอำเภอจังหวัดสงขลาตรวจสอบหน่อย พิกัดหมู่ 1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พระมาสร้างบ้านพักส่วนตัวอยู่แถวบ้านเรา มากับสีกาทุกวัน โดยใช้รถยนต์บางครั้งมานอนพักอาศัยตอนกลางคืนด้วย เห็นแล้วเสื่อมความศรัทธานั้น
ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 11 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.อภิสฤษฏิ์ มณีโชติ ผกก. สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ มอบหมายให้ พ.ต.ท.วิทยา ยืนยง รอง ผผก สืบสวนสภ.ทุ่งตำเสา ร.ต.อ.พยัติ มังคละ รองสารวัตรสืบสวน สภ.ทุ่งตำเสา พร้อมชุดสืบสวน และตำรวจฝ่ายป้องกันปรามสภ.ทุ่งตำเสา ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังนี้ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยบ้านหลังดังกล่าวตั้งอยู่ใน ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างใหม่ แต่ยังไม่เสร็จ ไม่มีบ้านเลขที่
เมื่อไปถึงพบพระสงฆ์อยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวกับสีกาจริง โดยพระอยู่ในชุดสวมแค่สบงกับอังสะ ไม่ได้สวมจีวร เจ้าหน้าที่จึงตรวจใบสุทธิพระ พบว่าเป็นพระจริงชื่อ พระมหาสุภักดิ์ อายุ 68 ปี สังกัดวัดเอี่ยมวรนุช กรุงเทพมหานคร บวชมาตั้งแต่พ.ศ.2517 แต่ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดไทยเชตะวัน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันมาจำพรรษาอยู่ที่วัดคลองเรียน อ.หาดใหญ่ เนื่องจากติดสถานการณ์โควิด กลับวัดที่มาเลเซียไม่ได้
ส่วนผู้หญิงที่อยู่ในบ้านชื่อ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 54 ปี เมื่อสอบถามทั้ง 2 คนก็บอกว่าเป็นพี่น้องแท้ๆ สายเลือดเดียวกัน เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบรายละเอียดทะเบียนราษฎร์ ก็พบว่าทั้ง 2 คนเป็นพี่น้องกันจริง มีพ่อแม่คนเดียวกัน
จากการสอบถามพระมหาสุภักดิ์ บอกว่า บ้านหลังนี้เป็นบ้านของน้องสาวที่กำลังสร้างใหม่ เพื่อให้ญาติพี่น้องซึ่งอยู่ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี มาพักอาศัยหากมาทำธุรกิจที่หาดใหญ่ หรือให้พระอาคันตุกะ จากมาเลเซียมาพักเมื่อเดินทางมาประเทศไทย
ส่วนสาเหตุที่เดินทางมาที่บ้านหลังประจำ เพราะต้องมาดูแลบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ แล้วมาเยี่ยมหลานของญาติที่อยู่ในละแวกเดียวกันที่เพิ่งคลอดลูก ยังทั้งให้อาหารสุนัข เมื่อเสร็จธุระแล้วก็จะกลับไปจำวัดที่วัดคลองเรียนทุกวัน ส่วนกรณีที่มาจำวัดที่บ้านหลังนี้ตอนกลางคืนช่วงที่ลูกหลานเดินทางมาจาก จ.ปัตตานีเท่านั้น ไม่ได้เป็นไปตามที่โซเชียลกล่าวหา ว่ามาสร้างบ้านอยู่กับสีกาแต่อย่างใด
เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดความกระจ่างกับสังคม พระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา ประสานไปยังพระปลัดสุภวัฒ สุวณฺโณ เจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสา และพระมหาสันชัย ฐิติฆโร เจ้าอาวาสวัดคลองเรียน ให้เชิญตัว พระมหาสุภักดิ์เข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริง ที่สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ที่วัดโคกสมานคุณ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่พูดคุยกันเกือบครึ่งชั่วโมง และทางเจ้าคณะจังหวัดสงขลา ตักเตือนพระมหาสุภักดิ์ว่า พฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ที่พระจะไปพักอยู่ที่บ้านกับญาติ เพราะคนที่ไม่รู้จักจะเข้าใจผิดเหมือนที่แชร์กันในโซเชียล
พร้อมกับหาข้อสรุปเพื่อยุติปัญหาและข้อครหาที่ชาวบ้านอาจจะเข้าใจผิด โดยทางพระราชวรเวที เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า เบื้องต้นสั่งห้ามไม่ให้พระมหาสุภักดิ์ กลับไปที่บ้านญาติหลังนี้อีก หากมีธุระจำเป็นเร่งด่วนให้แจ้งกับเจ้าคณะตำบลทุ่งตำเสาก่อนทุกครั้ง
ให้ออกจากพื้นที่ จ.สงขลา ไปก่อน เพราะไม่ใช่พระที่สังกัดอยู่ที่วัดในจ.สงขลา เป็นแค่พระอาคันตุกะ โดยให้ออกจากวัดคลองเรียน ไปพักอยู่ที่วัดศรีมหาโพธิ์ ที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี ที่เคยไปจำวัดอยู่มาก่อน ส่วนจะเดินทางออกจากวัดคลองเรียนวันไหนนั้น ทางเจ้าอาวาสวัดคลองเรียนจะดำเนินการต่อไป
พระมหาสุภักดิ์ กล่าวว่า พร้อมที่จะปฏิบัติตาม หากสถานการณ์โควิดคลี่คลายจะกลับไปอยู่ที่วัดไทยเชตะวันทันที พร้อมกับขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้คณะสงฆ์จ.สงขลา เสื่อมเสีย เพราะชาวบ้านเข้าใจผิด
พ.ต.อ.อภิสฤษฎิ์ กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับแจ้งได้เดินทางเข้าไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริงทันทีและทราบว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน มีพ่อแม่เดียวกัน หลังจากนี้ให้เป็นไปตามมติของคณะสงฆ์จังหวัดสงขลา