รีเซต

PRIMEปักหมุดต่างแดน เป้ากำลังผลิต1,800เมก

PRIMEปักหมุดต่างแดน เป้ากำลังผลิต1,800เมก
ทันหุ้น
27 กันยายน 2566 ( 11:51 )
68

PRIMEเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าแตะ 1,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 307.54เมกะวัตต์ ด้วยการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ พร้อมตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี ขณะที่ปีนี้คาดรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 1,200 -1,400 ล้านบาท

 

นายสมประสงค์  ปัญจะลักษณ์  ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME เปิดเผยว่า บริษัทยังมองหาโอกาสในการเติบโตด้วยการขยายธุรกิจ ลงทุนและก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งรวมถึงโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานสะอาดอื่นๆ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการ เเละบริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 1,800 เมกะวัตต์ ภายในปี 2570

 

โดยมีเป้าหมายการเติบโตครอบคลุมประเทศต่างๆ ในทวีปเอเชีย ได้แก่ ประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีปัจจัยในการเลือกประเทศที่จะเข้าลงทุนตามนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนพลังงานสะอาด ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น และตลาดรองในการซื้อขายโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์

 

*ขยายฐานต่างแดน

สำหรับความคืบหน้าของโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ในประเทศอินโดนีเซีย ที่คาดว่าจะมีการเติบโตสูง เนื่องจากภาครัฐมีการผลักดันเรื่องพลังงานทดแทน โดยมีการกำหนดให้เพิ่มพลังงานทดแทน โดยเป้าหมายไว้ที่ 23% ภายในปี 2568 และ 31% ในปี 2593 ซึ่งบริษัทได้ทำโครงการพลังงานทดแทนร่วมกับพันธมิตร

 

ซึ่งโครงการแรกปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 900 กิโลวัตต์ โดยคาดว่าจะ COD ภายในเดือนธันวาคม 2566 นี้ และกำลังพัฒนาอีก 5 เมกกะวัตต์ โดยมีแผนจะพัฒนาโครงการร่วมกันมากขึ้นกว่า 20 เมกะวัตต์ ภายใน 2 ปี ส่วนโครงการในประเทศอินโดนีเซีย จำนวน 900 กิโลวัตต์ คาดว่าจะ COD ได้ภายในสิ้นปี 2566

 

ขณะที่ตลาดใหม่ๆ ที่บริษัทได้ขยายโครงการไป ได้แก่ ประเทศไต้หวัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการ 8.8 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม COD โครงการแรกในช่วงปลายปี 2566 นี้ และโครงการใหญ่ที่ประเทศไต้หวัน อาทิ กำลังการผลิตสูงสุด 200 เมกะวัตต์ ปัจจุบันมีที่ดินเป็นที่เรียบร้อย คาดว่าจะก่อสร้างเริ่มงานในเดือนมิถุนายน 2567 และโครงการขนาด 99 เมกะวัตต์ คาดเซ็น PPA ได้ในช่วงกลางปี 2567

 

*คาดรายได้โต 30%

ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตรวมทั้งหมด 307.54 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ในประเทศไทย 149.48 เมกะวัตต์ และอยู่ในต่างประเทศ ได้แก่ กัมพูชา 77เมกะวัตต์, ญี่ปุ่น 24.29 เมกะวัตต์, ไต้หวัน 55.87 เมกะวัตต์ โดยสามารถ COD แล้วทั้งหมด 269.01 เมกะวัตต์ คิดเป็น 88% และมีโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกสาม 18.53เมกะวัตต์หรือคิดเป็น 12% คาดว่าจะ COD ได้ภายในปี 2566 นี้

 

อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าปี 2566 นี้จะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 1,200-1,400 ล้านบาท และในปี 2567 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 30% หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% ต่อปี

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง