ไทยปัดไม่มีข้อเรียกร้อง 9 ข้อกัมพูชา ยังไม่ปล่อยชลยศึก จนกว่าแผนปฏิบัติ 4 ข้อคืบหน้า

รัฐมนตรีสีหศักดิ์ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมหารือร่วม 4 ฝ่าย ได้แก่ มาเลเซีย (เจ้าภาพ), สหรัฐฯ, ไทย และกัมพูชา  เป็นการพูดคุยเพื่อตกลงแนวทางปฏิบัติร่วมกัน มิใช่การเสนอ “ข้อเรียกร้อง” จากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เราหารือกันเพื่อหาทางเดินหน้าความสัมพันธ์ ไม่ได้ตั้งเงื่อนไข เราตกลงกันว่าจะร่วมกันดำเนินการอะไรบ้าง ไม่ใช่ให้ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบอีกฝ่ายหนึ่ง

เขาย้ำว่าแถลงการณ์ที่ปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา แถลงผ่านหน่วยโฆษกรัฐบาลกัมพูชา (PRU)  ที่อ้างถึง “9 เงื่อนไข” อาจเป็นการเสนอข่าวที่คลาดเคลื่อน หรือเป็นการให้ข้อมูลในลักษณะสร้างความได้เปรียบ ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจากโต๊ะเจรจา พร้อมระบุว่า ไทยไม่เคยหารือในรูปแบบของ “ข้อเสนอหรือเงื่อนไข” ใดๆ แต่เป็นการพูดคุยเพื่อตกลง “แนวทางการดำเนินการร่วม” ที่มีความชัดเจนในเชิงปฏิบัติ

ไทยยืนยันว่า ก่อนที่จะพิจารณาปล่อยตัวเชลยศึก จำเป็นต้องมีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรมใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ การถอนอาวุธหนักจากแนวชายแดน การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่เสี่ยง การปราบปรามขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ และการแก้ไขปัญหาการรุกล้ำเขตแดนโดยใช้แนวทางสันติวิธีเท่านั้น

รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าวว่า หากยังไม่มีความคืบหน้าในประเด็นเหล่านี้ การปล่อยตัวเชลยศึกจะยังไม่เกิดขึ้น พร้อมกันนี้ยังเตือนว่าการให้ข่าวในลักษณะที่ล้ำหน้าข้อตกลงหรือคลาดเคลื่อนจากความจริง อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศความร่วมมือ 

นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าวถึงข้อกังวลต่อการเสนอข่าวจากฝ่ายกัมพูชาว่า อาจจำเป็นต้องมีการหารือให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดเผยต่อสาธารณะ เพื่อไม่ให้กระทบต่อบรรยากาศการเจรจา

กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาได้นำประเด็นชายแดน เช่น เหตุการณ์บ้านหนองจารย์–หนองญ่าแก้ว ไปร้องเรียนในเวทีระหว่างประเทศ รัฐมนตรีสีหศักดิ์ยังย้ำว่าทั้งสหรัฐฯ และมาเลเซียเห็นพ้องกับไทยว่า ควรใช้กลไกทวิภาคีเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา ไทยเห็นร่วมกันว่าควรคุยกันสองฝ่าย ไม่ควรยกระดับไปเวทีระหว่างประเทศ เพราะไม่ช่วยให้แก้ปัญหาได้เร็วขึ้นเลย

สำหรับขั้นตอนถัดไป ไทยและกัมพูชาจะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ในวันที่ 20–21 ตุลาคมนี้ เพื่อหารือและสรุปรายละเอียดแผนปฏิบัติร่วมในทั้ง 4 ด้านดังกล่าว ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขสำคัญก่อนการเสนอร่างข้อตกลงเข้าสู่กระบวนการภายในของแต่ละประเทศ และนำไปสู่การลงนามอย่างเป็นทางการในการประชุมสุดยอดอาเซียน ฝ่ายไทยมาอย่างจริงใจ ก็ขอให้ฝ่ายกัมพูชามาด้วยความจริงใจเช่นกัน และขอให้ยึดมั่นตามที่พูดคุยกันไว้ที่กัวลาลัมเปอร์