HYBE ค่ายเพลงวง BTS ทำลายกำแพงภาษาด้วย AI ปรับการออกเสียงให้นักร้อง
ไฮบ์ (HYBE) ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ ที่มีวงบอยแบนด์ยอดนิยมระดับโลกอย่าง บีทีเอส (BTS) กำลังทำลายกำแพงภาษาของนักร้องชาวเกาหลีใต้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือว่าเอไอ ช่วยแก้ไขการออกเสียงของนักร้องในการร้องเพลงเป็นภาษาต่างชาติ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเสียงร้องในลักษณะการออกเสียง ที่ใกล้เคียงเจ้าของภาษามากที่สุด
โดยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในการช่วยทำเพลง มาสเคอเรด (Masquerade) ของศิลปินในสังกัด อย่าง มิตแนตต์ (MIDNATT) ให้ออกมาเป็น 6 ภาษาด้วยกัน โดยถ้าเข้าไปรับชมผ่านทางแพลตฟอร์มยูทูบ ก็จะเห็นว่าสามารถกดเลือกฟังได้ทั้งเสียงภาษาเกาหลี อังกฤษ สเปน จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม
สำหรับเทคโนโลยีเบื้องหลังที่ใช้นี้ มีชื่อว่า แนนซี่ (NANSY - Neural Analysis and Synthesis) เป็นระบบเอไอที่ช่วยวิเคราะห์และสังเคราะห์เสียงจากบริษัท ซูเปอร์โทน (Supertone) ซึ่งค่ายเพลงไฮบ์ พึ่งเข้าซื้อกิจการไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาในมูลค่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1,200 ล้านบาท
โดยกระบวนการที่ใช้ จะเริ่มจากการให้ศิลปินเกาหลีใต้ ขับร้องเพลงเป็นภาษาเกาหลี และร้องเพลงในภาษาอื่น ๆ ตามที่ต้องการ จากนั้น ก็ให้เจ้าของภาษา เข้ามาทำการอ่านเนื้อเพลงเดียวกัน ที่แปลงเป็นแต่ละภาษาของตนเองแล้ว เพื่อบันทึกวิธีการออกเสียงที่ถูกต้อง
เมื่อได้ข้อมูลตั้งต้นนี้แล้ว ตัวระบบ ก็จะทำการแบ่งชิ้นส่วนของเสียงออกเป็นองค์ประกอบต่าง ๆ ทั้งการออกเสียง เสียงต่ำ เสียงสูง และความดังของเสียง จากนั้นโปรดิวซ์เซอร์ก็จะพิจารณาการออกเสียง และใช้เอไอช่วยปรับแต่งให้เสียงของศิลปินเกาหลีใต้ออกเสียงได้ถูกต้องใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากที่สุด ทำให้ฟังดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ในขณะที่เนื้อเสียงเดิมของนักร้อง ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมด้วย
โดย ชอง อูยอง (Chung Wooyong) หัวหน้าฝ่ายสื่ออินเทอร์แอคทีฟของไฮบ์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศอย่างรอยเตอร์ว่า ในการทำเพลงด้วยเอไอนี้ พวกเขาตั้งใจที่จะฟังปฏิกิริยา และเสียงตอบรับของแฟน ๆ ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าขั้นตอนต่อไปควรเป็นอย่างไร
ในขณะที่ มิตแนตต์ (MIDNATT) กล่าวว่าการใช้เอไอ ช่วยให้เขามีการแสดงออกทางศิลปะที่หลากหลายขึ้น รู้สึกเหมือนกับว่ากำแพงด้านภาษาได้ถูกยกออกไปแล้ว และมองว่าด้วยเทคโนโลยีนี้ ก็จะทำให้แฟนเพลงทั่วโลก จะได้รับประสบการณ์ที่ดื่มด่ำกับเพลงของเขาได้ง่ายมากขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับตอนนี้ เทคโนโลยีการแก้ไขการออกเสียงของไฮบ์ ก็ยังต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการทำงาน แต่ไฮบ์มองว่า เมื่อพัฒนาต่อไปจนกระบวนการเร็วขึ้น มันก็จะสามารถตอบสนองต่อวัตถุประสงค์การใช้งานที่หลากหลายขึ้น เช่น ใช้ช่วยล่ามแปลภาษาในการประชุมทางไกล เป็นต้น
นอกจากนี้ มันยังจะช่วยปูทางให้กับศิลปิน ในการสร้างสรรค์ผลงาน อย่างเช่นก่อนหน้านี้ เราจะเห็นนักร้องเคป๊อปปล่อยเพลงเป็นภาษาต่างประเทศอยู่บ้าง แต่ก็มักจะอยู่แค่ภาษาอังกฤษ หรือญี่ปุ่น แต่ไฮบ์กล่าวว่าการใช้เทคโนโลยีเอไอ สำหรับทำเพลงเผยแพร่พร้อมกันถึง 6 ภาษานี้ ถือเป็นครั้งแรกของโลก และก็เชื่อว่าจะเป็นสะพานที่ช่วยเชื่อมแฟนเพลงทั่วโลกให้อินไปกับสิ่งที่ศิลปินอยากจะนำเสนอได้มากขึ้น