รีเซต

เจ้าพ่อ "Big Short" ลงทุน Estee Lauder เร่งฟื้นยอดขายในจีน-สหรัฐฯ l การตลาดเงินล้าน

เจ้าพ่อ "Big Short" ลงทุน Estee Lauder เร่งฟื้นยอดขายในจีน-สหรัฐฯ l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
21 พฤษภาคม 2568 ( 14:02 )
12

Michael Burry นักลงทุนชื่อดังผู้เป็นต้นแบบในภาพยนตร์เรื่อง The Big Short กลับมาเป็นที่จับตามองอีกครั้งในโลกการลงทุน หลังบริษัท Scion Asset Management ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของเขา ได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงานกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่าได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทเครื่องสำอางระดับโลกอย่าง Estee Lauder เป็นสองเท่า ท่ามกลางช่วงเวลาที่แบรนด์ดังรายนี้กำลังเผชิญความท้าทายจากภาวะอุปสงค์ชะลอตัวในตลาดสำคัญอย่างอเมริกาเหนือและจีน

จากรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ระบุว่า Scion Asset Management ปัจจุบันถือหุ้น Estee Lauder จำนวน 200,000 หุ้น คิดเป็นมูลค่าราว 13.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 470 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อปลายปี 2024 ที่ถืออยู่เพียงครึ่งหนึ่ง 

การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนความมั่นใจของ Burry ในทิศทางของบริษัทภายใต้การบริหารของ CEO คนใหม่ Stephane de La Faverie ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

การเปลี่ยนผ่านผู้นำในช่วงต้นปีนี้นับเป็นจุดเริ่มต้นของแผนฟื้นฟูธุรกิจระดับโลก โดย Estee Lauder ได้เร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงปรับกลยุทธ์การตั้งราคาในกลุ่มสินค้าลักชัวรี เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคระดับบน และดึงความสนใจกลับมาหลังจากต้องเผชิญภาวะยอดขายชะลอตัวติดต่อกันหลายไตรมาส โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ทั้งนี้ รายได้จากตลาดเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งรวมถึงจีน มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 31 ของรายได้รวมของ Estee Lauder ในปีงบประมาณ 2024 ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจจีนที่ไม่แน่นอนในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ตลาดอเมริกาเหนือก็เผชิญแรงกดดันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ระมัดระวังการใช้จ่าย

อย่างไรก็ตาม สัญญาณบวกเริ่มปรากฏจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ และจีน ประกาศข้อตกลงพักรบทางการค้าเป็นเวลา 90 วัน โดยลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนจากเดิมที่สูงถึง 145% ลงมาอยู่ที่ร้อยละ 30 ซึ่งมีแนวโน้มจะช่วยลดแรงกดดันให้กับบริษัทที่มีธุรกิจในจีนจำนวนมาก รวมถึง Estee Lauder

ด้านนักวิเคราะห์การตลาดเชื่อว่า แม้การลงทุนของ Scion Asset Management ใน Estee Lauder จะไม่ได้มีมูลค่ามหาศาลเมื่อเทียบกับขนาดบริษัท แต่นี่คือ "สัญญาณบวก" ที่สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่งในโลกต่อทิศทางของแบรนด์เครื่องสำอางยักษ์ใหญ่รายนี้

อีกหนึ่งข้อมูลสำคัญที่น่าสนใจจากรายงานการยื่นเรื่องของ Scion ยังระบุว่า Burry ได้ปรับลดจำนวนบริษัทในพอร์ตการลงทุนลงเหลือเพียง 7 แห่ง จากที่เคยถือไว้มากกว่าสิบแห่งในช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งหมายความว่าการเลือกลงทุนใน Estee Lauder ย่อมผ่านการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนจากนักลงทุนที่เคยมองเห็นฟองสบู่วิกฤติสินเชื่อปี 2008 ก่อนใคร

แม้ว่าหุ้นของ Estee Lauder จะปรับตัวลดลงแล้วกว่าร้อยละ 15 ตั้งแต่ต้นปี 2025 แต่หลังจากข่าวนี้เผยแพร่ออกมา หุ้นของบริษัทปรับตัวขึ้นประมาณร้อยละ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในแผนการฟื้นฟูภายใต้ผู้นำคนใหม่ และแรงสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่

ในภาพรวม การเคลื่อนไหวของ Michael Burry ครั้งนี้ อาจถูกมองว่าเป็น "เดิมพันเชิงกลยุทธ์" ที่มีนัยสำคัญไม่น้อย เพราะไม่เพียงสะท้อนการมองเห็นศักยภาพในระยะยาวของแบรนด์ระดับโลกอย่าง Estee Lauder เท่านั้น แต่ยังตอกย้ำบทบาทของนักลงทุนเชิงลึกที่ยังคงจับตาโอกาสในช่วงที่ตลาดกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเชิงโครงสร้างอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง