รีเซต

เมืองชั้นนำโลก AI ชี้ชะตาอนาคตแชมป์

เมืองชั้นนำโลก AI ชี้ชะตาอนาคตแชมป์
TNN ช่อง16
28 ตุลาคม 2568 ( 11:28 )
17

รายงาน “เมืองระดับโลก ปี 2568” (2025 Global Cities Report) ที่จัดทำโดย “คาร์นีย์” (Kearney) บริษัทที่ปรึกษาด้านการจัดการระดับโลก ชี้ว่า แม้โลกจะเผชิญกับความผันผวน แต่เมืองระดับโลกในอันดับต้น ๆ ยังคงเป็นแชมป์เก่า สะท้อนถึงความสามารถในการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ขณะเดียวกันก็มีเมืองน้องใหม่ที่ทำผลงานได้โดดเด่นเช่นกัน 

รายงานฉบับนี้ประกอบด้วยการประเมิน 2 ส่วน ครอบคลุมมุมมองทั้งผลงานในปัจจุบันและศักยภาพในอนาคต ได้แก่ ดัชนีเมืองระดับโลก (Global Cities Index-GCI) ที่วัดผลงานในปัจจุบัน และแนวโน้มการพัฒนาเมืองระดับโลก (Global Cities Outlook-GCO) ที่เป็นการประเมินศักยภาพในอนาคต โดยเป็นการจัดอันดับทั้งหมด 158 เมืองทั่วโลก

สำหรับดัชนีเมืองระดับโลก (GCI) ซึ่งเป็นการวัดความเชื่อมโยงและอิทธิพลระดับโลกของเมืองชั้นนำทั่วโลก ผ่านตัวชี้วัด 31 รายการ ภายใต้ 5 เกณฑ์หลัก ได้แก่ กิจกรรมทางธุรกิจ ทุนมนุษย์ การแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม และการมีส่วนร่วมทางการเมือง โดยปีล่าสุด นิวยอร์ก, ลอนดอน, ปารีส, โตเกียว และสิงคโปร์ ยังคงรักษาความเป็นผู้นำ 5 อันดับแรกเอาไว้ได้ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว สะท้อนถึงความยืดหยุ่นของศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกดั้งเดิมเอาไว้ได้ กรณีของ “นิวยอร์ก” สามารถรักษาแชมป์เอาไว้ได้ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยมีผลงานโดดเด่นในแง่กิจกรรมทางธุรกิจ ทุนมนุษย์ และการแลกเปลี่ยนข้อมูล ในฐานะศูนย์กลางทางการเงิน นิวยอร์กได้แรงหนุนจากความเป็นผู้นำนวัตกรรมด้านกฎระเบียบและการเงินดิจิทัล ครอบคลุมตั้งแต่ฟินเทคไปจนถึงสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) นอกจากนี้ นิวยอร์กยังดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยี ขณะเดียวกัน นิวยอร์กก็ลงทุนเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การวางผังเมืองที่ใช้ข้อมูลและเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของโลกเกี่ยวกับธรรมาภิบาลและการรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

ตามด้วย “ลอนดอน” ครองอันดับ 2 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 เช่นกัน คงความเป็นผู้นำในด้านประสบการณ์ทางวัฒนธรรมและกิจกรรมทางธุรกิจ ด้าน “ปารีส” ครองอันดับ 3 เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดดเด่นในด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูลและประสบการณ์ทางวัฒนธรรม ส่วน “โตเกียว” ขึ้นแท่นอันดับ 4 เป็นปีที่ 11 ติดต่อกัน โดยยังรักษาความแข็งแกร่งด้านทุนมนุษย์ กิจกรรมทางธุรกิจ ประสบการณ์ทางวัฒนธรรม และการแลกเปลี่ยนข้อมูล และ “สิงคโปร์” อยู่อันดับ 5 เท่าปีที่แล้ว มีคะแนนเพิ่มขึ้นในด้านการมีส่วนร่วมทางการเมืองและทุนมนุษย์ สำหรับอันดับ 6-10 ได้แก่ ปักกิ่ง ฮ่องกง เซี่ยงไฮ้ ลอสแองเจลิส ชิคาโก

น่าสนใจว่า คะแนนกิจกรรมภาคธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในปี 2568 โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่และเมืองที่มีบทบาทในภูมิภาค ท่ามกลางความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่กำลังปรับเปลี่ยนทิศทางการค้าโลก ประเทศต่าง ๆ อาทิ บราซิล คาซัคสถาน อินเดีย และมาเลเซีย กำลังมีบทบาทมากขึ้นจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การอำนวยความสะดวกทางการค้า และนวัตกรรม ทั้งนี้ ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกมีความเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด อาทิ เมืองอัลมาตีของคาซัคสถาน ซึ่งอันดับกิจกรรมทางธุรกิจขยับขึ้น 14 อันดับ ส่วนกัลกัตตาของอินเดีย ขยับขึ้น 11 อันดับ, ไทเปของไต้หวันขยับขึ้น 13 อันดับ และกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซีย ขยับขึ้น 9 อันดับ ในขณะที่คะแนนการแลกเปลี่ยนข้อมูลเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ตอกย้ำความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและการบูรณาการระดับโลก ซึ่งส่งผลต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของเมือง

ส่วนแนวโน้มการพัฒนาเมืองระดับโลก (Global Cities Outlook-GCO) ที่เป็นการประเมินศักยภาพในอนาคต ผ่านตัวชี้วัด 13 รายการ ภายใต้ 4 เกณฑ์หลัก ได้แก่ ความเป็นอยู่ส่วนบุคคล เศรษฐกิจ นวัตกรรม และการบริหารจัดการ ในปี 2568 พบว่า เมืองต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังเผชิญกับการแบ่งขั้ว ความผันผวนทางเศรษฐกิจ และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม สะท้อนว่าความสามารถในการแข่งขันที่ยั่งยืนไม่ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละเมืองในการสร้างเสถียรภาพ โอกาส และความสามารถในการปรับตัวในทุกมิติ


เมือง “มิวนิก” ในเยอรมนีขึ้นแท่นอันดับ 1 ในดัชนี GCO แซงหน้าแชมป์เก่า “ซานฟรานซิสโก” ของสหรัฐฯ จากประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะความสะดวกในการทำธุรกิจ แม้ว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) จะลดลง แต่มิวนิกยังคงรักษาแรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจไว้ได้ด้วยการเติบโตของ GDP ต่อคนต่อปีที่แข็งแกร่ง และการลงทุนด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ “ซานฟรานซิสโก” ร่วงลงอยู่อันดับ 4 แม้ว่าอัตราอาชญากรรมจะแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ แต่ภาพลักษณ์ดังกล่าวยังคงส่งผลกระทบ

ด้านอันดับ 2 ได้แก่ กรุงโซลของเกาหลีใต้ จากจุดแข็งด้านนวัตกรรมและการบริหารจัดการ โดยคงความเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับโลกด้วยชุมชนสตาร์ตอัปที่ขยายตัวรวดเร็ว และการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเกาหลีใต้ในการวางตำแหน่งเป็นผู้นำแห่งอนาคตด้านนวัตกรรมดิจิทัล ขณะที่ “สิงคโปร์” กลับมาติดท็อป 5 เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี โดยขยับมาอยู่อันดับ 3 จากอันดับ 20 ในปีที่แล้ว ปัจจัยหนุนมาจากโครงสร้างพื้นฐาน GDP ต่อคนต่อปีที่เพิ่มขึ้น และการลงทุนจากต่างประเทศ และอันดับ 5 ได้แก่ โคเปนเฮเกน จากการเป็นผู้เล่นสำคัญด้านการสร้างยูนิคอร์น หรือสตาร์ตอัปที่มีมูลค่าเกิน 1 พันล้านดอลลาร์ และโฟกัสนวัตกรรมที่มุ่งเน้นพลังงานและรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ถึงแม้รายชื่อเมืองใน 20 อันดับแรกของดัชนี GCO จะยังคล้ายคลึงกับปีที่แล้ว แต่หลายเมืองเริ่มดำเนินการในด้านต่าง ๆ ทั้งการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน เพื่อรักษาความโดดเด่นและพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก อย่างในอเมริกาเหนือ เมืองต่าง ๆ ในแคนาดามีการลงทุนและสร้างแรงขับเคลื่อนแซงหน้าเมืองต่าง ๆ ในสหรัฐฯ ส่วนภูมิภาคตะวันออกกลางขยับสู่ระดับโลก ผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และยกระดับคุณภาพชีวิต ยกตัวอย่าง “ดูไบ” ที่รั้งอันดับ 25 สูงสุดในภูมิภาคนี้ ซึ่งขยับขึ้นมา 19 อันดับจากปีที่แล้ว 

ในส่วนของจีนโดดเด่นด้วยความก้าวหน้าด้านนวัตกรรม และถึงแม้หลายเมืองจะมีอันดับลดลง แต่เมืองหลักอย่างปักกิ่งขยับขึ้น 26 อันดับ และเซี่ยงไฮ้ ไต่ขึ้น 10 อันดับ จากการลงทุนด้านนวัตกรรมและความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีความท้าทายเรื่องประสิทธิภาพการบริหารจัดการ สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และความโปร่งใส ขณะที่ยักษ์เอเชียอีกรายอย่าง “อินเดีย” มีศักยภาพมหาศาล แต่เมืองต่าง ๆ ยังเผชิญกับความท้าทายที่จำกัดความสามารถในการแข่งขันระดับโลก

ขยับมาดูไทย “กรุงเทพฯ” สามารถขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 33 ในดัชนี GCI ปี 2568 จากที่อยู่อันดับ 34 ในปี 2567 และอันดับ 45 ในปี 2566 โดยหลัก ๆ มาจากกิจกรรมทางธุรกิจที่ดีขึ้น ส่วนดัชนี GCO ในปีนี้ กรุงเทพฯ อยู่อันดับ 105 เท่ากับปีที่แล้วและปี 2566 ทั้งนี้ รายงานระบุด้วยว่า กรุงเทพฯ ควรมุ่งเน้นการเสริมศักยภาพด้านนวัตกรรม ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และสร้างความเท่าเทียมทางสังคม เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสในยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล 

รายงานชี้ว่า ในปี 2568 ทั่วโลกต้องเผชิญผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องจากปี 2567 ทั้งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำเนินอยู่ในหลายพื้นที่ อาทิ ยูเครน กาซา ซูดาน รวมถึงสงครามการค้าที่ร้อนระอุขึ้น สิ่งเหล่านี้ส่งผลกระทบในวงกว้างทั้งต่อภาคธุรกิจ แรงงาน และเมืองต่าง ๆ 


ทั้งนี้ นับเป็นเวลาหลายทศวรรษที่โลกมีกลไกรักษาเสถียรภาพของตลาด ส่งเสริมการค้าโลก และส่งเสริมการเคลื่อนย้ายของผู้คนและเงินทุน แต่กำแพงป้องกันดังกล่าวกำลังถูกกัดกร่อน ท่ามกลางภูมิทัศน์โลกที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและความไม่แน่นอน กรณีที่ชัดเจนสะท้อนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดปัจจุบันได้ขยายการใช้มาตรการภาษีศุลกากร มาตรการคว่ำบาตร และการควบคุมการส่งออก เป็นเครื่องมือในการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ ขณะเดียวกัน ก็กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามมาตรการกำแพงภาษีและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงแบบกะทันหัน ปริมาณสินค้าบริเวณท่าเรือในยุโรป อเมริกาเหนือ และเอเชีย ผันผวนอย่างรุนแรง ส่งผลให้บริษัทต่าง ๆ ต้องเพิ่มความหลากหลายในการจัดหาสินค้าและกำหนดเส้นทางการขนส่งใหม่ รวมถึงการโยกย้ายถิ่นฐานของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งกระทบต่อแรงงาน

น่าสนใจว่า ยุคแห่ง AI ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งไม่ได้มีบทบาทเสริม แต่กลายเป็นบทบาทหลักที่ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงของเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก โดยเมืองที่มีความพร้อมจะใช้ประโยชน์จาก AI ทั้งในด้านอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และบุคลากรทักษะสูง จะผลักดันการพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงทางเศรษฐกิจในด้านใหม่ ๆ ตามมา ในขณะที่เมืองอื่นที่ปรับตัวช้ากว่าหรือมีข้อจำกัดเกี่ยวกับพลังงานหรือแรงงานทักษะสูงจะมีความเสี่ยงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไป 

ความสามารถของเมืองในการบรรลุศักยภาพของ AI ขึ้นอยู่กับปัจจัย 3 ประการที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ พลังงาน สิ่งแวดล้อม และแรงงานที่มีทักษะ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ เนื่องจากเมื่อความนิยม AI เพิ่มขึ้น ความต้องการพลังงานในการขับเคลื่อน AI ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย “โกลด์แมน แซคส์” ประเมินว่า การใช้พลังงานในศูนย์ข้อมูล (Data Center) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจาก 55 กิกะวัตต์ (GW) ในปี 2566 เป็น 122 กิกะวัตต์ภายในปี 2573 การบริโภคพลังงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมมีความสำคัญ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว และนี่จะเกี่ยวโยงกับบุคลากรที่จะต้องมีทักษะด้าน AI ด้วย

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง