โฆษกปชป. ย้ำ “เฉลิมชัย” คนจริง ทำงานจริง ไม่ต้องโฆษณา ยันมีผลงานเป็นที่ประจักษ์

ผศ.ดร.เจนจิรา รัตนเพียร โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ออกโรงโต้ตอบกรณี ส.ส.นิติพล ผิวเหมาะ กล่าวพาดพิงการทำงานของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า เป็นการวิจารณ์ที่ขาดข้อเท็จจริง และสะท้อนพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ในทางการเมือง
ผศ.ดร.เจนจิรา กล่าว พร้อมย้ำว่า คำกล่าวหาว่า “รัฐมนตรีที่โลกลืม” เป็นคำพูดจากคนๆเดียวกับคนที่เคยใช้ภาพลิงเก็บมะพร้าวของต่างประเทศมาด่าประเทศตัวเอง จึงเป็นคำพูดที่ไม่มีค่าไม่มีน้ำหนักใดๆเลย ดูได้จากผลสำรวจจากนิด้าโพลปรากฏว่าเป็นรัฐมนตรีที่ไม่ควรปรับ หรือคะแนนให้ปรับน้อยมากๆ
โฆษกประชาธิปัตย์ยืนยันว่า นายเฉลิมชัย ปฏิบัติหน้าที่ทั้งในสภาและในเชิงนโยบายอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะการตอบกระทู้ทั้งของวุฒิสภา และสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างครบถ้วน พร้อมกับผลักดันงานเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ไม่มีการละเว้นตามที่ถูกกล่าวหา ไม่ทราบว่านายนิติพล อยู่และติดตามงานในสภาอยู่หรือไม่
“การไม่ออกข่าว ไม่ได้แปลว่าไม่ทำงาน และการทำงานที่แท้จริง ไม่จำเป็นต้องออกมาโฆษณาตัวเองทุกวัน สิ่งที่ควรดูคือ ‘ผลลัพธ์’ ไม่ใช่ดูแค่โพสต์หรือวาทกรรม”
ผศ .ดร.เจนจิรา ยังระบุเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ (23 เม.ย.) รัฐมนตรีเฉลิมชัยได้เดินทางร่วมคณะนายกรัฐมนตรีไปยังประเทศกัมพูชา เพื่อร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมข้ามแดน นอกนั้นยังให้ความสำคัญกับนานาชาติในการแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน หรือยุทธศาสตร์ฟ้าใสกับกลุ่มประเทศในอาเชี่ยน และมีความสำเร็จในการเจรจาในเวที COP29 ที่ประเทศอาเซอร์ไบจัน
ส่วนประเด็นการแก้ปัญหาช้างป่า โฆษกพรรคย้ำว่า สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลงด้วยการขับเคลื่อนเชิงนโยบายที่เน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และการร่วมทำงานกับกรรมาธิการวิสามัญอย่างใกล้ชิด ขอให้นายนิติพลไปถามคนของพรรคประชาชนที่อยู่ในกรรมาธิการดูจะรู้ว่างานแก้ปัญหาเรื่องช้างป่าก้าวหน้าและสำเร็จไปมากแล้ว
และในกรณีการเก็บเงินรายได้อุทยานด้วยระบบ E-Ticket ได้ร่วมมือกับ ปปช.ดำเนินการมาได้ช่วงหนึ่งแล้ว จึงได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ โดยอุทยานฯที่จัดเก็บรายได้มากสุด 10 อันดับแรกให้แล้วเสร็จภายในฤดูการท่องเที่ยวหน้าหรืออีกประมาณ5-6เดือน ส่วนที่เหลืออีกเกือบ150 อุทยาน จะให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปี
“ประชาธิปัตย์เราไม่เคยกลัว ไม่เคยหวั่นไหวกับการตรวจสอบใดๆ ขอเป็นเพียงการตรวจสอบ กล่าวหา ว่ากล่าว กันบนข้อเท็จจริง ไม่ใช่ การกุเรื่อง กล่าวหากัน พล่อยๆพลอยแต่โหนกระแส ไม่สมเกียรติ สมคุณวุฒิ ของความเป็นผู้แทนราษฎร เอาเสียเลยทำให้นึกถึง คำที่ผู้ใหญ่เคยสอนว่า “สำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล” น่าเห็นใจพรรคที่สังกัด จริงๆที่คงจะต้องผิดหวัง ที่มี ส.ส. ที่ออกมาแสดงอะไรที่ไม่สร้างสรรค์ เช่นนี้“