ออสเตรเลียจะทบทวนประสิทธิภาพหน่วยข่าวกรอง รับมือกลุ่มหัวรุนแรง

แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ประกาศทบทวนการทำงานของตำรวจและหน่วยงานข่าวกรองด้านความมั่นคงแห่งชาติ ภายหลังเหตุโจมตีที่หาดบอนได ในนครซิดนีย์ โดยผู้นำออสเตรเลียบอกว่า โศกนาฏกรรมจากการก่อการร้ายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มไอเอสเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา ตอกย้ำให้เห็นว่าสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงของประเทศเรากำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งหน่วยงานความมั่นคงจำเป็นต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุดในการรับมือ

อัลบาเนซีกล่าวว่า การทบทวนด้านข่าวกรองซึ่งมีกำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2026 จะมุ่งเน้นไปที่การทำให้หน่วยงานรัฐมีความพร้อมในการรับมือกับลัทธิหัวรุนแรง

เขาระบุว่า “สำนักนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะตรวจสอบว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและหน่วยงานข่าวกรองระดับรัฐบาลกลาง มีอำนาจ โครงสร้าง กระบวนการทำงาน และระบบการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เหมาะสมเพียงพอหรือไม่ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของชาวออสเตรเลีย หลังเหตุโจมตีก่อการร้ายต่อต้านชาวยิวที่หาดบอนไดอันน่าสะเทือนใจนี้”

ภายหลังเหตุกราดยิงที่ร้ายแรงที่สุดของออสเตรเลียในรอบเกือบ 30 ปี รัฐบาลยังประกาศแผนเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมอาวุธปืน ขณะที่มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ผลักดันมาตรการปราบปรามวาจาแห่งความเกลียดชัง

ออสเตรเลียกำหนดให้วันนี้ (21 ธ.ค.) เป็นวันแห่งการรำลึกทั่วประเทศ โดยจะมีการยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 1 นาที ในเวลา 18.47 น. ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นเวลาที่เหตุโจมตีเริ่มต้นขึ้น

ด้านนาวีด อักราม ผู้ต้องหาวัย 24 ปี ถูกตั้งข้อหาทั้งสิ้น 59 กระทง รวมถึงข้อหาฆาตกรรม 15 กระทง และข้อหาก่อการร้าย 1 กระทง ส่วนบิดาของเขาที่ร่วมก่อเหตุด้วย เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว

แม้บรรยากาศแห่งความโศกเศร้ายังคงปกคลุม แต่กิจกรรมสโมสรโต้คลื่นสำหรับเด็ก ซึ่งคนท้องถิ่นเรียกว่า “นิปเปอร์ส” ก็กลับมาจัดขึ้นแล้ว เป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็งและการฟื้นตัวของชุมชน