รีเซต

"คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ

"คนจีน" ไม่กล้าใช้จ่าย 80 % หันออมเงิน แม้ดอกเบี้ยต่ำ
TNN ช่อง16
3 มิถุนายน 2568 ( 10:30 )
30

ไม่มั่นใจในเศรษฐกิจและรายได้ คนจีนแห่ฝากเงิน สวนทางดอกเบี้ยต่ำ


Yahoo Finance รายงานว่า หลังจากธนาคารพาณิชย์จีนลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "Miro Chen" ได้เปิดโพลในโซเชียลมีเดียถามว่า “เมื่อดอกเบี้ยลดลง คุณจะออมหรือใช้จ่าย?”


ผลลัพธ์คือ มากกว่า 80% จากผู้ตอบประมาณ 5,000 คนเลือกที่จะออม ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายของผู้กำหนดนโยบายที่พยายามกระตุ้นอุปสงค์และการเติบโตของเศรษฐกิจ


"Miro Chen" วัย 37 ปี พนักงานบริษัทอินเทอร์เน็ตในภาคใต้ของจีน และเป็นผู้จัดทำแบบสำรวจนี้ระบุว่า ผลสำรวจออกมาข้างเดียวเลย แสดงว่าผู้คนกังวลกันมาก และเขายังระบุเสริมว่า แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าบริษัทที่ทำงานอยู่จะอยู่รอดได้อีกนานแค่ไหน และนั่นคือเหตุผลที่เขาเลือกจะออม


ทั้งนี้ข้อมูลจาก "ธนาคารกลางจีน" ระบุว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2568 ยอดเงินฝากของครัวเรือนในจีนพุ่งสูงเกิน 160 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 22.30 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.3% จากปีก่อน และคิดเป็น 118% ของจีดีพีในปี 2567 ขณะที่ยอดค้าปลีกในไตรมาสแรกขยายตัวเพียง 4.6% เมื่อเทียบรายปี 


สภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อได้สร้างแรงกดดันต่อภาคครัวเรือน โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่กังวลเกี่ยวกับความมั่นคงของงานและทรัพย์สิน จนต้องเลือกเก็บออมไว้มากขึ้นเพื่อความมั่นใจในอนาคต ดังนั้นแม้จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การออมของครัวเรือนจีนก็ยังเติบโตอย่างรวดเร็ว

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ "ลดดอกเบี้ย" ไม่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายในจีน 


ก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ธนาคารกลางจีนได้ผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการปรับลดเพดานอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีกครั้ง เพื่อบรรเทาความกดดันด้านส่วนต่างกำไรของธนาคาร ลดแรงกดดันต่อธนาคารลง  และหวังจูงใจให้ผู้ฝากเงินนำเงินในธนาคารออกไปใช้จ่ายหรือลงทุนแทนการออมไว้ 


แต่ปรากฎว่าแม้จีนลดดอกเบี้ยหวังกระตุ้นการใช้จ่าย แต่คนจีนยังคงเลือกออมมากกว่าบริโภค สะท้อนความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ปัญหาความมั่นคงในการจ้างงาน และความไม่เชื่อมั่นในระบบประกันสังคม


ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเห็นตรงกันว่า หนทางที่ดีที่สุดในการ "กระตุ้นการบริโภค" ของจีน คือ การพัฒนาระบบบำนาญและสวัสดิการสังคมให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อลดแรงจูงใจในการออม และสร้างความมั่นใจให้ประชาชนกล้าใช้จ่ายมากขึ้น


"Minxiong Liao" นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจาก "GlobalData.TS Lombard APAC" ให้ความเห็นว่า ดอกเบี้ยที่ลดลงอาจทำให้รายได้ของชาวจีนเติบโตช้าลง โดยเฉพาะคนรุ่นที่เกิดในช่วงทศวรรษ 2520-2530 ซึ่งอาจต้องเร่งออมเงินมากขึ้นในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับชีวิตหลังเกษียณ ท่ามกลางแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำที่จะยังคงอยู่


"Michael Pettis" นักวิจัยจาก "Carnegie China" อธิบายว่า “ดอกเบี้ยต่ำคือการโอนทรัพยากรจากผู้ฝากเงิน ซึ่งคือประชาชนไปสู่ผู้กู้อย่างภาคธุรกิจและรัฐบาล” และเสริมว่า ในระบบแบบนี้ เหมือนญี่ปุ่นยุค 1990 ดอกเบี้ยต่ำ ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภค


"Elisabeth Werenskiold" จาก "Fathom Consulting" เสริมว่า ดอกเบี้ยต่ำทำให้ธุรกิจบางกลุ่มติดกับดักหนี้ระยะยาว หรือกลายเป็นบริษัทซอมบี้ที่อยู่รอดได้ด้วยการกู้เงินตลอดเวลา เช่น กลุ่มก่อสร้าง สายการบิน ท่องเที่ยว และบริการไอที พร้อมกล่าวว่าธุรกิจเหล่านี้มีกระแสเงินสดเพียงพอจ่ายดอกเบี้ยได้ไม่ถึง 5 เดือน ซึ่งถือเป็นโซนอันตราย


ทั้งนี้รัฐบาลจีนประกาศว่าจะเพิ่มบทบาทของการบริโภคภาคครัวเรือนให้เป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งขณะนี้ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 20% ของ GDP ในปีที่ผ่านมาจีนพึ่งพาการส่งออกอย่างหนักเพื่อให้ GDP โตได้ประมาณ 5% และนักวิเคราะห์มองว่าภาษีสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ยิ่งทำให้จีนต้องเร่งปรับสมดุลเศรษฐกิจไปสู่การบริโภคภายในประเทศ แต่นโยบายดอกเบี้ยต่ำ อาจขัดแย้งกับเป้าหมายดังกล่าว

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง