รีเซต

ข้าวสารถุง เล็งขึ้นราคาเดือนมิ.ย.-ก.ค. หลังปลายข้าวแพง-ปริมาณผลผลิตมีน้อย

ข้าวสารถุง เล็งขึ้นราคาเดือนมิ.ย.-ก.ค. หลังปลายข้าวแพง-ปริมาณผลผลิตมีน้อย
ข่าวสด
17 มีนาคม 2565 ( 15:07 )
80

ข้าวสารถุง เล็งขึ้นราคาเดือนมิ.ย.-ก.ค. หลังปลายข้าวแพง-ปริมาณผลผลิตมีน้อย หอการค้าคาดเอกชนขึ้นราคาสินค้าไม่เกิน 5% พร้อมขยับเป้าเงินเฟ้อทั้งปี2565 เป็น 3.5%

 

วันที่ 17 มี.ค.65 นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ นายกกิติมศักดิ์สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทย เปิดเผยว่า การสู้รบระหว่างรัสเซียและยูเครนทำให้ไทยไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยเฉพาะข้าวสาลีจากยูเครนได้ ส่งผลกระทบทำให้ราคาปลายข้าวในไทยปรับเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลทำให้ราคาข้าวนาปรัง ประเภทข้าวขาว และข้าวหอมพวงภายในประเทศ ปรับเพิ่มขึ้นตัน 2-3 พันบาท/ตัน คือปรับจาก 6-7พัน/ตัน เป็น 1 หมื่นบาท/ตัน เนื่องจากอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ในประเทศหันมาใช้ปลายข้าวขาวในประเทศมากขึ้น โดยในระยะสั้น1-2 เดือนจากนี้ จะยังไม่ส่งผลกระทบต่อราคาจำหน่ายปลีกข้าวสารบรรจุถุงต้องปรับขึ้นราคา แต่ในระยะยาวอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาข้าวสารถุงตามต้นทุน

 

“คาดว่าช่วงเดือน มิ.ย.-ก.ค.2565 อาจจะจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาข้าวสารบรรจุ เพราะอีก 1-2 เดือนสต็อกข้าวสารเก่าจะหมด รวมทั้งช่วงดังกล่าวยังเป็นช่วงที่เป็นช่องว่าง ปริมาณผลผลิตข้าวมีน้อย เนื่องจากข้าวฤดูใหม่จะออกอีกทีราวเดือนส.ค. 2565 “

 

รายงานข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทยแจ้งถึงราคาปลายข้าวเดือนก.พ.2565 เปรียบเทียบกับล่าสุด ณ วันที่ 17 มี.ค.2565 ว่า ปลายข้าวขาวเอวันเลิศ ราคาปรับเพิ่มขึ้น 30-50 บาท/กระสอบ(100 ก.ก.)คือปรับ จาก 1,130 – 1,190 บาท/กระสอบ เป็น 1,180 – 1,220 บาท/กระสอบ และ ปลายข้าวขาวซีวัน ราคาปรับเพิ่มขึ้น 50 บาท/กระสอบ คือปรับจาก 1,000 – 1,070 บาท/กระสอบ เป็น 1,050 – 1,120บาท/กระสอบ

 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงผลกระทบต่อราคาสินค้าจากกรณีการสู้รับรัสเซียยูเครนที่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและวัตถุดิบผลิตสินค้านำเข้าของไทยว่า คาดว่ากระทรวงพาณิชย์จะอนุญาติให้ผู้ผลิตสินค้าที่ได้รับผลกระทบต้นทุนปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะภาพรวมจะมีการปรับขึ้นราคาราว 5% เนื่องจากกำลังซื้อของประชาชนยังมีมากไม่มากนัก แต่อาจจะทำให้เงินเป้าอัตราเฟ้อทั้งปีนี้ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3-3.5% สูงกว่าเป้าหมายที่ 2-2.5% แต่ก็ยังไม่น่าจะบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชนให้ลดลงมากนัก เนื่องจากประชาชนยังพอมีทางเลือกในการบริโภคสินค้าชนิดอื่นทดแทนสินค้าที่ปรับขึ้นราคา เช่น บริโภค ปลา แทนเนื้อไก่ เนื้อหมู และไข่ เป็นต้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง