กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก เปิดนำร่องเลี้ยงโคพื้นที่สุโขทัย 1,000 ครัวเรือน
นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่จังหวัดสุโขทัย เปิด “โครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงโค เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต ภายใต้การดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง พื้นที่ต้นแบบ จังหวัดสุโขทัย ระยะที่ 1 โดยมี นายสุชาติ ทีคะสุข รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุโขทัย ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุโขทัย เขต 1 นายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุโขทัย เขต 2 นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เครือข่ายหมู่บ้าน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน
นายอนุชาฯ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (บอร์ด กทบ.) ได้อนุมัติโครงการเลี้ยงโคฯ ให้กับพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2565 และตนเองได้มาพบพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2565 ซึ่งวันนั้นได้ย้ำว่า “อีก ไม่เกิน 3 ปี พี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ จะได้จับเงินแสน ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นเรื่องจริง ขอแค่พี่น้องต้องทำจริง เพราะเราอยากเห็นพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ ปลดหนี้สินได้ อยากเห็นพี่น้อง มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไม่ต้องยากจนอีกต่อไปแล้ว”
วันนี้โครงการเลี้ยงโคฯ มีความคืบหน้าเป็นรูปธรรมแล้ว โดยจะเป็นโครงการนำร่อง ที่สร้างงาน สร้างรายได้ สร้างอาชีพให้พี่น้องสมาชิก เพราะเมื่อมีรายได้ ก็ลดภาระค่าใช้จ่าย ความยากจนก็หมดไป เศรษฐกิจของประเทศก็ดีขึ้น ขอเพียงพี่น้องสมาชิก มีวินัย รักอาชีพการเลี้ยงโค และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านฯ จะต้องติดตามถามไถ่ทุกข์สุขคอยให้ความช่วยเหลือสร้างองค์ความรู้ให้กับสมาชิก พร้อมกล่าวย้ำว่า ต้องการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร ทำให้มีรายได้และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รวมถึงสนับสนุนให้เกษตรกรมีส่วนร่วมในการรวมกลุ่ม สร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เพื่อสร้างความมั่นคงในครัวเรือน สำหรับข้อกังวลเรื่องตลาด นายอนุชาฯ ให้ความมั่นใจว่า รัฐบาลพร้อมกับกองทุนหมู่บ้านจะช่วยจัดหา สนับสนุนช่องทางการตลาด ขอให้ผู้เลี้ยงโคอย่าเป็นกังวล ที่สำคัญต้องรักษาคุณภาพเนื้อให้ได้ตามที่ตลาดต้องการ กองทุนฯ จะไม่ทิ้งให้ประชาชนแบกรับภาระอย่างแน่นอน
ทางด้านนายสมศักดิ์ฯ กล่าวว่า โครงการฯ ระยะที่ 1 นี้ ในปีที่ 1-2 สมาชิกที่ได้รับการพิจารณา ไม่ต้องเสียค่าบริหารจัดการใด ๆ คือ ไม่ต้องเสียดอกเบี้ยอะไร ในปีที่ 1 - ปีที่ 2 และในปีที่ 3-5 สมาชิกจะต้องเสียค่าบริหารจัดการ ร้อยละ 2 บาท ซึงถือว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก สำหรับมูลค่าหรือทรัพย์สินที่เกิดจากโครงการฯ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของพี่น้องสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ถ้าทำดี ๆ โอกาสในการปลดหนี้สินของสมาชิกอยู่แค่เอื้อมมือ ขอแค่มีความอดทน วันนี้เป็นการนำร่องในพื้นที่จังหวัดสุโขทัย จำนวน 1,000 ครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี ถ้าพี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ ทำได้ดี ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ก็จะลงมาสู่พี่น้องกองทุนหมู่บ้านฯ แน่นอน ไม่ใช่เฉพาะที่สุโขทัยเท่านั้น แต่จะขยายไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพราะรัฐบาลเชื่อว่าโครงการนี้ จะเป็นอีกหนึ่งโครงการทางเลือก ในการสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับครอบครัว และแก้ไขปัญหาหนี้สินต่าง ๆ ได้ คุณภาพชีวิตของพี่น้องก็จะดีขึ้น
นายอนุชาฯ เชื่อมั่นว่า สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการนี้ จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำกินที่สามารถขจัดหนี้สิน ขจัดความยากจนได้ ฝากให้กองทุนหมู่บ้าน หน่วยงานในจังหวัด พี่น้องเครือข่ายกองทุนหมู่บ้าน (ทุกระดับ) และคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน โดยเฉพาะคณะทำงานโครงการโคฯ ที่จัดการดูแลโครงการนี้ ขอให้ช่วยกันดูแลสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตามที่รัฐบาลได้มุ่งหวังเอาไว้
ผู้แทนสมาชิกกองทุนหมู่บ้าน กล่าวขอบคุณ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายอนุชา นาคาศัย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ผู้ผลักดันโครงการเลี้ยงโคให้เกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นการสร้างอาชีพให้ประชาชนสามารถเลี้ยงตัวเองเลี้ยงครอบครัวได้อย่างเข้มแข็ง พร้อมให้คำมั่นสัญญาจะขยันเลี้ยงดูโคให้เติบโต ขยายพันธ์ุ สร้างรายได้จากการเลี้ยงโค สานต่อนโยบายของรัฐบาล รักษาไว้ให้สืบทอดไปยังลูกหลานต่อไป