ชลประทานขานรับ กอนช. รับมือฝนหนัก 21.24 มี.ค. เตือนภาคใต้ระวังน้ำป่า-ท่วมฉับพลัน
ข่าววันนี้ 21 มี.ค.65 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ (SWOC) กรมชลประทาน นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ผ่านระบบ Video Conference ไปยังสำนักงานชลประทานที่ 1-17 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา กรมทรัพยากรน้ำ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำนักการระบายน้ำ (กทม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำ แหล่งน้ำ และแม่น้ำสายหลักต่างๆ สำหรับเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องและเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
นายทวีศักดิ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน (21 มี.ค.65) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 49,078 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯ รวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 25,140 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้ว 16,861 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 76 ของแผนฯ เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา (เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,472 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 46 ของความจุอ่างฯ
มีน้ำใช้การได้รวม 4,776 ล้าน ลบ.ม. มีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 4,707 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 78 ของแผนฯ เนื่องจากตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีฝนตกเป็นระยะๆ ส่งผลดีต่อปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและในลำน้ำธรรมชาติ ทำให้เกษตรกรมีน้ำเพียงพอสำหรับการเพาะปลูก ทั้งยังส่งผลดีต่อการควบคุมค่าความเค็มในแม่น้ำสายหลักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ตอนบนพิจารณาปรับลดการระบายน้ำ เพื่อเป็นการประหยัดน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน และสำรองไว้เพื่อการปรับปฏิทินการเพาะปลูกในพื้นที่ลุ่มต่ำ
นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทั่วประเทศ เตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนปี 65 ตามมาตรการที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด ตรวจสอบอาคารชลประทาน โดยเฉพาะบานระบายประตูน้ำให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ สำหรับอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ ให้ควบคุมปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด ปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้ประเมินและวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ จากการคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(องค์การมหาชน) พบว่า มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในช่วงวันที่ 21 – 24 มี.ค.นี้ บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช สงขลา พัทลุง กระบี่ พังงา ตรัง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส จึงได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่ดังกล่าว ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตร ในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เคยเกิดน้ำท่วมอยู่เป็นประจำ
พร้อมปรับแผนบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ รวมทั้งเตรียมแผนรับสถานการณ์น้ำหลาก เตรียมความพร้อมของบุคลากร เครื่องจักรเครื่องมือ และระบบสื่อสารสำรอง เพื่อบูรณาการความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที ที่สำคัญให้ประชาสัมพันธ์และแจ้งเตือนล่วงหน้า ให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ทราบถึงสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องด้วย