การ์ทเนอร์ ฟันธง! ยอดใช้จ่ายไอทีโตทุกเซกเมนต์ถึงปีหน้า
การ์ทเนอร์ (Gartner) มองแนวโน้มการใช้จ่ายไอทีทั่วโลกปีนี้สูงแตะ 4.1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.4% จากปี 2563 โดยแหล่งที่มาของเงินทุนเพื่อเริ่มธุรกิจดิจิทัลใหม่ ๆ นั้นมาจากแผนกธุรกิจอื่นๆ นอกแผนกไอที และคิดเป็นต้นทุนการผลิตหรือต้นทุนการขาย (COGS)
นายจอห์น-เดวิด เลิฟล็อค รองประธานฝ่ายวิจัย การ์ทเนอร์ อิงค์ กล่าวว่าการใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีสารสนเทศทุกเซกเมนต์จะเติบโตต่อเนื่องไปถึงปี 2565 โดยอุปกรณ์ดีไวซ์จะเติบโตสูงสุด (14%) ขณะที่ซอฟต์แวร์ระดับองค์กรเติบโต (10.8%) เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ หันมาให้ความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมและปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานระยะไกลเพื่อเพิ่มความสะดวกให้แก่ทีมงาน
“ไอทีไม่เพียงแต่ปรับโฉมรูปแบบการดำเนินงานขององค์กรไปสู่สิ่งใหม่ ๆ แต่ยังมีส่วนสำคัญในการส่งมอบและเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ นอกเหนือจากการพลิกบทบาทจากการทำงานเบื้องหลังไปสู่ส่วนหน้าของธุรกิจแล้ว ไอทียังเปลี่ยนต้นทุนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้กลายเป็นแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ อาทิ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ การติดตามตรวจสอบ และบางครั้งตัดต้นทุนบางอย่างออกไปอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้องค์กรมุ่งเน้นในสิ่งที่สร้างรายได้”
การ์ทเนอร์ยกตัวอย่างที่เห็นชัดเจน คือองค์กรให้ความสำคัญเพิ่มมากขึ้นกับทั้งประสบการณ์และความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน ซึ่งเป็นแนวทางการขับเคลื่อนการลงทุนด้านเทคโนโลยีในด้านต่าง ๆ แห่งอนาคต อาทิ โซเชียลซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มทำงานร่วมกัน และซอฟต์แวร์การบริหารทุนมนุษย์ในองค์กร (HCM) ซึ่งแม้ความพยายามในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการประหยัดต้นทุนจะยังคงมีอยู่ เนื่องจากความแน่นอนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้นในปี 2564 แต่สิ่งที่ซีไอโอให้ความสำคัญตลอดในช่วงเวลาที่เหลือของปี คือการเร่งดำเนินการตามแผนธุรกิจดิจิทัลเพื่อยกระดับการดำเนินงาน ขยายและเปลี่ยนแปลงคุณค่าในการดำเนินงานของบริษัท
“ปีที่แล้ว การลงทุนด้านไอทีเป็นไปตามสภาวะการณ์ที่จำเป็น เพื่อเร่งเปิดใช้ระบบการทำงานจากระยะไกลให้พนักงานภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ในขณะที่รูปแบบการทำงานไฮบริดนั้นเกิดขึ้น ซีไอโอจะมุ่งให้ความสำคัญไปกับการใช้จ่ายไอทีที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมไม่ใช่เพียงทำงานให้สำเร็จลุล่วง” นายเลิฟล็อคกล่าวเพิ่มเติม
การ์ทเนอร์พบว่าการใช้จ่ายไอทีกลับไปอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการระบาดแต่มีความต่างออกไป โดยอธิบายว่าการฟื้นตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมหลักและกลุ่มไอทีในประเทศต่าง ๆ ยังคงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทำให้เกิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในรูปแบบ K-Shape จากมุมมองในระดับอุตสาหกรรม ภาคการเงินการธนาคาร หลักทรัพย์และการประกันภัยจะฟื้นตัวกลับมาในระดับเดียวกับช่วงก่อนการระบาดเมื่อต้นปี 2564 ขณะที่กลุ่มค้าปลีกและภาคการขนส่งจะยังไม่ฟื้นตัวจนกว่าจะถึงปี 2566
"การใช้จ่ายด้านไอทีในภูมิภาคละตินอเมริกาคาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวในปี 2567 ขณะที่ประเทศจีนกลับมาอยู่ในระดับสูงเช่นเดียวกับปี 2562 ส่วนภูมิภาคอเมริกาเหนือและยุโรปตะวันตกคาดว่าจะฟื้นตัวได้ช่วงปลายปีนี้"
การคาดการณ์แนวโน้มการใช้จ่ายด้านไอทีของการ์ทเนอร์ทั้งหมดนี้ ใช้วิธีการวิเคราะห์ยอดขายอย่างเข้มข้นจากผู้ค้าหลายพันรายครอบคลุมผลิตภัณฑ์และบริการด้านไอทีทั้งหมด การ์ทเนอร์ระบุว่าได้ใช้เทคนิคการวิจัยขั้นต้นซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยแหล่งข้อมูลทุติยภูมิที่เชื่อถือได้ในการสร้างฐานข้อมูลที่ครอบคลุมข้อมูลขนาดตลาดซึ่งเป็นฐานการพยากรณ์