คนไทยเปลี่ยนทีวีถี่ 4 ปีครั้ง "ซัมซุง"ส่ง AI สู้ยันไม่แข่งราคา l การตลาดเงินล้าน

ภาพรวมตลาดทีวีปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่ามีอัตราการเติบโตเป็น ศูนย์ ซึ่งก็คือ ไม่เติบโต แต่สำหรับปี 2568 นี้ คุณ ชวพจน์ เทียนทอง ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจภาพและเสียง บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด คาดการณ์ว่า จะเติบโตได้ราวร้อยละ 2 จากมูลค่าตลาดรวมของปีที่แล้ว อยู่ที่กว่า 22,000 ล้านบาท โดยการเติบโตจะขับเคลื่อนด้วย กลุ่มตลาดพรีเมียม ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก เห็นได้จากในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ยังเห็นตัวเลขการเติบโตในกลุ่มทีวีพรีเมียม เป็นตัวเลข 2 หลัก หรือกว่าร้อยละ 10 นอกจากนี้กลุ่มทีวี ที่มีจอขนาดใหญ่ก็เป็นที่ต้องการมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลการสำรวจผู้บริโภค พบว่าความต้องการจอที่มีขนาดใหญ่มากกว่าเดิม จะมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ 

และยังพบอีกว่า ระยะเวลาของการเปลี่ยนทีวีรุ่นใหม่ เปลี่ยนเป็นสั้นลงเรื่อย ๆ คือจากเดิม จะมีการเปลี่ยนทีวีทุก ๆ 6 ปี จากนั้นก็ลดลงมาเหลือทุก ๆ 5 ปี และล่าสุด ลดลงมาเหลือทุก ๆ 4 ปีแล้ว เนื่องจากผู้บริโภคต้องการทีวีที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และต้องการการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ ภายในบ้าน

สำหรับ ซัมซุง มีการพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าว โดยเฉพาะ เอไอ ทีวี ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้ว และปีนี้ ได้ขยาย เอไอ ลงมาในทีวีรุ่นอื่น ๆ เพิ่มเติมมากขึ้น เช่น QLED ที่มีราคาตั้งแต่หลักหมื่นบาทขึ้นไป ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ที่ยังต้องการดูผ่านจอทีวีขนาดใหญ่

จากข้อมูล รีเสิรช ยังพบอีกว่า ผู้บริโภคยังคงดูทีวีช่องดิจิทัล ที่เป็นช่องแมสปกติ แต่ก็ดูช่องสตรีมมิง ด้วย ดังนั้น เอไอ ทีวี จะเข้ามาตอบโจทย์ในส่วนนี้ได้ดีขึ้น

โดย ซัมซุม ได้เปิดตัว ทีวี เอไอ รุ่นล่าสุด ที่ชู วิชัน เอไอ (Vision AI) ช่วยยกระดับประสบการณ์การรับชมทั้งภาพ และเสียงแบบใหม่ อีกทั้ง ตอกย้ำความเป็นผู้นำในตลาดทีวีโลกด้วย เรียล ควอนตัม ดอท (Real Quantum Dot) ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของซัมซุง ซึ่งเทคโนโลยีดังกลาาว ให้ภาพสีสวย คมชัด และปลอดภัยจากสารแคดเมียมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

สำหรับ ไลน์ อัปทีวี เอไอ ที่เปิดตัวในปี 2568 นี้ เช่น Neo QLED 8K QN990F (นีโอ คิวแอลอีดี 8เค คิวเอ็น990เอฟ) ที่เป็นรุ่นเรือธง และ OLED Series (โอแอลอีดี ซีรีส์) รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมราคาที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น เป็นต้น 

สำหรับความท้าทายในปีนี้ คุณ ชวพจน์ กล่าวว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจถือเป็นความท้าทายหนึ่ง ทำให้ตั้งแต่ปีที่แล้ว บริษัทฯ เปิดตัวโปรแกรมเงินผ่อน สำหรับทีวีทุกรุ่น สามารถผ่อนชำระได้นานขึ้น ถือเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อ โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มแมส 

ขณะที่สินค้าราคาถูกที่จะเข้ามาตีตลาดมากขึ้น ทางซัมซุง ไม่ได้เข้าไปแข่งด้วยราคา แต่จะแข่งในด้านนวัตกรรมและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่ได้มีความกังวลต่อสินค้าถูกเหล่านั้นจะมาตีตลาด ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคในปัจจุบันเองก็มีความต้องการสินค้าที่มีคุณภาพ ในราคาที่เหมาะสม 

จึงเชื่อว่า ซัมซุง จะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มทีวีพรีเมียม และตั้งเป้าหมายการเติบโตสำหรับปีนี้ จะเติบโตสูงกว่าตลาดรวม ที่ร้อยละ 6 และส่วนแบ่งตลาดจะขยับขึ้นเป็นร้อยละ 1.9 ถึงร้อยละ 2