รีเซต

เปิดประวัติ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หญิงแกร่งนักบริหารธุรกิจ สู่ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่

เปิดประวัติ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หญิงแกร่งนักบริหารธุรกิจ สู่ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่
TNN ช่อง16
10 กันยายน 2568 ( 16:42 )
16

เปิดโปรไฟล์“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” หญิงแกร่งแห่งวงการบริหารธุรกิจ สู่ว่าที่รัฐมนตรีพาณิชย์คนใหม่ 


“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ภายใต้รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี คนที่ 32 


นางศุภจี สุธรรมพันธุ์  กรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) 

การศึกษา

ปริญญาตรีจาก คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ปริญญาโทที่ Northrop University มลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ในสาขาบริหารธุรกิจ ด้านการเงินและการบัญชีระหว่างประเทศ


หลักสูตรผู้บริหารระดับสูงจากสถาบันชั้นนำ 

เช่น

Director Certification Program รุ่น 89/2007

Advanced Audit Committee Program รุ่น 23/2016 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD)

หลักสูตรผู้บริหารระดับสูง รุ่น 16/2556 จากสถาบันวิทยาการตลาดทุน

หลักสูตรผู้บริหารกระบวนการยุติธรรมระดับสูง (บ.ย.ส.) รุ่น 19 วิทยาลัยการยุติธรรม

หลักสูตรนักบริหารระดับสูง “ธรรมศาสตร์เพื่อสังคม” (นมธ.) รุ่นที่ 1


ประสบการณ์ในองค์กรระดับชาติและนานาชาติ

อดีตผู้จัดการทั่วไป IBM ASEAN ในกลุ่มธุรกิจบริการเทคโนโลยีระดับโลก ทำงานกับ IBM มายาวนานกว่า 20 ปี 

ปี 2554 ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) นำพาองค์กรฟื้นตัวจากภาวะขาดทุนไปสู่ความมั่นคงทางธุรกิจ

ปี 2559 Group CEO ของ ดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้นำในอุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวของไทย 

ผลักดันแผน “Repositioning Dusit” เพื่อยกระดับแบรนด์ให้ทันสมัยและมีมาตรฐานสากลมากขึ้น

ริเริ่มโครงการใหญ่ระดับหมื่นล้านบาทอย่าง Dusit Central Park โครงการอสังหาริมทรัพย์ผสมผสานที่โดดเด่นของกรุงเทพฯ โดยให้ความสำคัญกับพื้นที่สีเขียวและความยั่งยืนควบคู่กับมูลค่าทางเศรษฐกิจ


บทบาทปัจจุบันในภาคธุรกิจ

ปัจจุบันเป็นกรรมการในหลายบริษัท เช่น บริษัท ดุสิต เอสเตท จำกัด (2567-ปัจจุบัน), บริษัท บองชู / พอร์ต รอยัล / BAKEIP Limited / Baujour International (2565-ปัจจุบัน), บริษัท บองชูร์ เบเกอรี่ เอเชีย และบริษัท สวนลุม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด

เคยเป็นกรรมการอิสระของธนาคารกสิกรไทย, กรรมการใน SCG Packaging และได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งใน “50 Over 50 : Asia 2024” จาก Forbes Asia และ Power Business Woman 2023 ซึ่งแสดงถึงการเป็นผู้นำหญิงที่มีอิทธิพลในวงการธุรกิจของเอเชีย

วันนี้ (10 กันยายน 2568) ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เปิดตัวนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ที่จะเข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นางศุภศจี สุธรรมพันธุ์ ที่ได้ทาบทามให้เข้ามาเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้ร่วมหารือเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในเวลาจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด


นายอนุทิน กล่าวว่า เราเอาความคาดหวังของประชาชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง เพราะเป็นผู้ที่มีประสบการณ์มานาน เป็นบุคลากรในองค์กรขนาดใหญ่ที่เราขอให้เข้ามาช่วยบ้านเมือง สำหรับนางศุภศจีเป็นนักบริหาร ไม่ใช่นักธุรกิจ แต่ยอมทิ้งรายได้จำนวนมากเพื่อเข้ามาทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง จึงขอให้ได้โอกาสทำงาน และไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการทำงาน เพราะตนให้อำนาจเต็มกับผู้ปฏิบัติงาน นายอนุทินยังระบุอีกว่าตนเองมีธงในการทำงานให้ประเทศก้าวหน้ามั่นคง ทำให้ประชาชนมีโอกาส และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ว่าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกพาณิชย์ กล่าวว่า ภายใต้ระยะเวลาการทำงานในช่วงสั้น ๆ นี้ ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความท้าทาย และมีความสำคัญมาก เพราะประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ซึ่งในฐานะที่มีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย รวมถึงงานระหว่างประเทศด้วยนั้น มีความตั้งใจจะนำประสบการณ์และความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมดเข้ามาทุ่มเทให้กับการทำงานในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีธงเดียวกันกับนายกรัฐมนตรี คือ ทำประโยชน์สูงสุดให้แก่ประเทศชาติ และประชาชน อย่างเต็มที่เต็มความสามารถ


พร้อมกับขอบคุณที่ได้รับเสียงชื่นชม และความคาดหวังต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกำลังใจที่ดีในการทำงาน และจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง โดยพร้อมที่จะประสานการทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในการดูแลเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น   เป็นความท้าทายที่จะทำ เราคงไม่สามารถทำได้ทุกอย่างในระยะเวลาอันสั้น แต่เราจะเลือกทำในสิ่งที่เกิดผลอย่างดีที่สุดภายในระยะเวลาที่เรามีอยู่ ให้ได้มากที่สุด


ส่วนนโยบายใดที่จะทำเป็นการเร่งด่วนก่อนนั้น นางศุภจี ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่าขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะยังไม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ อีกทั้งต้องรอนโยบายในภาพใหญ่จากนายกรัฐมนตรีก่อน จากนั้นถึงจะค่อยดูว่าต้องเข้าไปช่วยเสริมในนโยบายเรื่องใดเพิ่มเติม แต่ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้วัตถุประสงค์เดียวกัน คือ ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ


ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการเดินหน้าโครงการ "คนละครึ่ง" ว่า เป็นนโยบายที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายไว้ ซึ่งในส่วนของกระทรวงการคลัง ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ไว้แล้ว ส่วนในรายละเอียดคงยังไม่สามารถพูดไปก่อนได้ เพราะต้องรอให้มีการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาก่อน


 นายเอกนิติ กล่าวว่าอีกว่า ท่านนายกฯ ได้เห็นประโยชน์จากที่ผมอยู่กระทรวงการคลัง รู้กลไกในการขับเคลื่อนอยู่แล้ว นี่เป็นนโยบายที่นายกฯ ได้ประกาศไปแล้ว ก็ได้เตรียมความพร้อมในเรื่องต่าง ๆ ส่วนรายละเอียดขอรอโปรดเกล้าฯ ก่อน


พร้อมระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายโดยขอให้คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก แม้รัฐบาลมีเวลาจำกัด แต่ก็ต้องช่วยฟื้นเศรษฐกิจของประเทศให้ได้ และคำนึงถึงระยะยาวควบคู่กันไปด้วย เป็นนโยบายที่จะทำให้เกิดความยั่งยืน เป็นหลักการที่นายกฯ มอบให้ กำลังทำการบ้านอยู่


นายอนุทิน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ความคืบหน้าการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นรัฐมนตรีนั้น ทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) กำลังดำเนินการตรวจสอบอย่างเข้มข้น ที่ผ่านมาก็เป็นไปด้วยดี บางเรื่องต้องตรวจสอบไปทุกจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งก็เป็นเรื่องดีที่จะทำให้สิ้นข้อสงสัย และการดำเนินการยังอยู่ในช่วงเวลา หากจุดใดที่ดูแลอยู่เกิดความล่าช้าก็จะใช้กลไกเร่งรัด


นายอนุทิน กล่าวทิ้งทายว่า เมื่อได้ข้อสรุปหมดแล้ว ผมก็จะได้นำขึ้นทูลเกล้าฯ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบ คงจะไปเร่งรัดไม่ได้ ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็รู้ดีอยู่แล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง