ตลาดคริสต์ตกเป็นเป้าก่อการร้าย ต้องยกระดับการป้องกัน ส่วนยุโรปตะวันออก-เอเชียฉลองรื่นเริง

อย่างที่เราเห็นกันตามหน้าสื่อ ตลาดคริสต์มาสตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายมาตลอดตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 ตั้งแต่สตราสบูร์ก ถึงเบอร์ลิน และมักเดเบิร์ก การโจมตีที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้เปลี่ยนแปลงวิถีการเฉลิมฉลองคริสต์มาสของยุโรป ส่งผลให้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด หรือยกเลิกงานไปเลย ท่ามกลางความรู้สึกหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้น

ต้นกำเนิดตลาดคริสต์มาส

ตลาดคริสต์มาสเป็นหนึ่งในประเพณีทางวัฒนธรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในยุโรป ซึ่งมีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของไวน์ อบเชย กานพลู และส้ม ดึงดูดผู้คนนับล้านให้มาเยือนเมืองประวัติศาสตร์ทั่วทวีปยุโรปในช่วงเวลานี้ของปี ตั้งแต่สตราสบูร์กถึงสตุตการ์ต จากเบอร์ลินถึงเวียนนา และจากวอร์ซอถึงบูดาเปสต์ อย่างไรก็ตาม ในยุโรปตะวันตก ตลาดคริสต์มาสไม่ได้สงบ ปลอดภัย เหมือนแต่ก่อน นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 21 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังปี 2010 จิตวิญญาณแห่งการเฉลิมฉลองถูกบดบังด้วยความหวาดกลัวในช่วงเทศกาล ตลาดคริสต์มาสกลายเป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีโดยกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง

หนึ่งในเหตุการณ์ที่ใครหลายคนน่าจะเคยเห็นข่าวผ่านตากันบ้าง คือเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2016 รถบรรทุกขนาดใหญ่ถูกขับพุ่งชนตลาดคริสต์มาสที่จัตุรัสไบรท์ไชด์พลาทซ์ในกรุงเบอร์ลินโดยเจตนา การโจมตีครั้งนี้คร่าชีวิตผู้คนไป 13 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 50 ราย ผู้ก่อเหตุคือ อานิส อัมรี ชายชาวตูนิเซียวัย 24 ปี ผู้ซึ่งเคยขอสถานะผู้ลี้ภัยแต่ไม่สำเร็จ เขาได้จี้รถบรรทุก ฆ่าคนขับรถ และขับรถพุ่งชนฝูงชน อัมรีหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุและถูกตำรวจอิตาลีสังหารใกล้เมืองมิลานในอีกสี่วันต่อมาในระหว่างการยิงปะทะ กลุ่มไอซิสอ้างความรับผิดชอบต่อการโจมตีครั้งนี้ทันที การโจมตีตลาดคริสต์มาสในเบอร์ลินจัดอยู่ในกลุ่มการก่อการร้ายที่ร้ายแรงที่สุดในเยอรมนีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

สองปีต่อมา ในวันที่ 11 ธันวาคม 2018 ตลาดคริสต์มาสเมืองสตราสบูร์กก็ตกเป็นเป้าหมายของผู้ก่อการร้ายอีกครั้ง และคราวนี้พวกเขาก็ประสบความสำเร็จ ชายคนหนึ่งชื่อ เชริฟ เชคัตต์ ซึ่งมีทั้งปืนพกและมีด ได้ทำร้ายพลเรือนบริเวณตลาดคริสต์มาส ส่งผลให้ให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน และบาดเจ็บอีก 11 คน ก่อนที่จะหลบหนีไป ผู้ก่อเหตุนั้นเป็นที่รู้จักของตำรวจเป็นอย่างดีและเป็นพวกหัวรุนแรง เขาถูกสังหารในวันที่ 13 ธันวาคม หลังจากการไล่ล่าเป็นเวลา 48 ชั่วโมง มีรายงานว่าเชคัตต์ได้ประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอซิสก่อนการโจมตี

ยุโรปตะวันออกฉลองคริสต์มาสอบอุ่น

ขณะที่ฝั่งยุโรปตะวันออก ที่ไม่มีการก่อการร้าย ฉลองคริสต์มาสอย่างสนุกสนาน ซึ่งอาจเป็นเพราะมีนโยบายเข้มงวดกับผู้อพยพ และผู้คนไม่ได้เยอะมากมาย หรือหลากหลายเท่ากับฝั่งตะวันตก แต่ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งที่บูดาเปสต์ วอร์ซอ คราคอฟ ปราก และริกา จึงไม่น่าแปลกใจที่เมืองเหล่านี้ได้รับความนิยมมากขึ้นในแผนการท่องเที่ยวช่วงฤดูหนาวของชาวยุโรปตะวันตก ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวอิสระและกลุ่มทัวร์ เฉพาะในบูดาเปสต์ นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประมาณ 715,000 คน และพักค้างคืนประมาณ 1.7 ล้านคน ในเดือนธันวาคม 2024 เพิ่มขึ้น 20 และ 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบปีต่อปี

ยุโรปตะวันตกรักษาความปลอดภัยเข้มงวด

อย่างไรก็ตามในปีนี้ ฝั่งยุโรปตะวันตกก็รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดบริเวณตลาดคริสต์มาส บรรยากาศของตลาดคริสต์มาสประมาณ 3,200 แห่งทั่วประเทศเยอรมนีดูหม่นหมองลงไปบ้าง เจ้าหน้าที่เทศบาลทั่วประเทศพยายามป้องกันการโจมตีเพิ่มเติมโดยการล้อมตลาดด้วยแนวกั้นต่าง ๆ ทั้งแนวกั้นคอนกรีต แผงกั้นโซ่ หรือเสาโลหะที่ต้องใช้เครนในการรื้อถอน เพื่อป้องกันเหตุขับรถพุ่งชนตลาดคริสต์มาส

ฝั่งเอเชียจัดงานรื่นเริง

หลายประเทศทั่วเอเชียล้วนจัดงานเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสกันอย่างรื่นเริง ไม่ว่าจะเป็นที่ญี่ปุ่น ไทย หรือฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะที่ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชาชนนับถือศาสนาคริสต์เป็นจำนวนมาก

ฟิลิปปินส์มีช่วงเทศกาลคริสต์มาสที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนถึงเดือนมกราคม ในเดือนกันยายน ฟิลิปปินส์เริ่มตกแต่งพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยธีมคริสต์มาส ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดครึ้มของฤดูฝน

เมื่อฤดูร้อนใกล้สิ้นสุดลง ห้างสรรพสินค้าต่างๆ ก็ถูกประดับประดาด้วยของตกแต่งเพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งความสุข การตกแต่งนั้นยิ่งใหญ่จนถึงขั้นมีคำเรียกเฉพาะว่า “บองก้า” ซึ่งหมายถึง อลังการ อุดมสมบูรณ์ และตระการตา แต่ไม่มีโอกาสที่จะเกิดหิมะตกในช่วงเทศกาลแบบฝั่งตะวันตก เนื่องจากอุณหภูมิเฉลี่ยในเดือนธันวาคมในกรุงมะนิลาอยู่ที่ 28 องศาเซลเซียส

ขณะที่ครอบครัวต่างๆ เตรียมตัวสำหรับงานรวมญาติประจำปีในช่วงวันหยุด ญาติๆ ก็เริ่มแบ่งกันนำมาแบ่งปันกัน และพิมพ์เสื้อยืดที่มีชื่อเฉพาะสำหรับโอกาสนี้ เสื้อของครอบครัวจะมีข้อความว่า “งานรวมญาติครอบครัว ปี 2025"