รีเซต

ส่งหนังสือถึงนายกฯ วอนคลายล็อกดาวน์ 'บ้านพักคนชรา'

ส่งหนังสือถึงนายกฯ วอนคลายล็อกดาวน์ 'บ้านพักคนชรา'
มติชน
3 พฤษภาคม 2563 ( 15:59 )
249

ส่งหนังสือถึงนายกฯ วอนคลายล็อกดาวน์ บ้านพักคนชรา มั่นใจมาตรการดูแลเข้ม ยังไม่มีใครติดโควิด-19

นายแพทย์ ฆนัท ครุธกูล นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย ส่งหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  ขอให้ทบทวนคำสั่งปิดสถานที่ชั่วคราว (สถานดูแลผู้สูงอายุ)

ในหนังสือระบุว่าตามราชกิจจานุเบกษา วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เรื่อง ข้อกำหนด การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548  ฉบับที่ 5 หน้า 3 ข้อ 6 เรื่อง การให้ปิดสถานที่ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่โรค COVID-19 โดยมีสถานดูแลผู้สูงอายุรวมอยู่ด้วยนั้น ทางสมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย ซึ่งเป็นสมาคมที่มีการรวมตัวกันของสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง จำนวนกว่า 240 สถานประกอบการ และยังมีสถานดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศไทยอีกกว่า 2,000 แห่ง ซึ่งจากคำสั่งดังกล่าว ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อสถานดูแลผู้สูงอายุ กลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง รวมทั้งกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศไทย     ซึ่งสรุปได้ดังนี้

1.ปัจจุบันมีผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงพำนักอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ โดยประมาณ 22,400 ราย แบ่งเป็นผู้สูงอายุติดเตียงจำนวน 13,624 ราย

  1. สถานดูแลผู้สูงอายุที่เป็นสมาชิกของสมาคม ฯ จำนวน 240 แห่ง มีผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงพำนักอยู่ มากกว่า 5,600 ราย
  2. ผู้สูงอายุที่พักอาศัยอยู่ในสถานดูแลผู้สูงอายุ มีอายุระหว่าง 60 -100 ปี และมีภาวะความเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไตวาย ไตเสื่อม โรคหลอดเลือดสมองตีบ แตก มีภาวะอัมพฤกษ อัมพาต สมองเสื่อม มะเร็งชนิดต่างๆ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง เป็นต้น
  3. ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มีความต้องการการดูแลที่ซับซ้อน ติดเตียง ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ และเป็นบุคคลที่มีความเปราะบางต่อภาวะติดเชื้อได้ง่าย ต้องการการดูแลที่จำเพาะเช่น จำเป็นต้องได้รับอาหารทางสายยาง,เจาะคอเพื่อระบายเสมหะ จำเป็นต้องดูดเสมหะ (Suction),คาสายสวนปัสสาวะ,การดูแลแผลต่าง ๆ จากการเจาะคอ แผลหน้าท้อง การดูแลถุงเก็บอุจจาระหน้าท้อง (Colostomy Bag),การใส่สายอาหารทางหน้าท้อง (Gastrostomy)
  4. มีกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงที่ถูกทอดทิ้งและยากไร้ที่ทางสถานดูแลผู้สูงอายุของสมาคมฯ รับอุปการะดูแลอยู่โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ

ซึ่งการดูแลผู้สูงอายุดังกล่าว มีความจำเป็นต้องได้รับการดูแลโดยใช้ทักษะเฉพาะทางจากทีมสหวิชาชีพทางการแพทย์และและการพยาบาล ผู้ดูแลผู้สูงอายุที่มีประสบการณ์และผ่านการฝึกอบรมการดูแลผู้สูงอายุ หากมีการสั่งปิดสถานดูแลผู้สูงอายุ จะทำให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ต่อทั้งผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิงเหล่านั้นที่จะขาดผู้ดูแลที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการดูแล อีกทั้งประกอบกับญาติของผู้สูงอายุเองไม่มีทักษะหรือความชำนาญมากเพียงพอที่จะดำเนินการดูแลดังที่กล่าวข้างต้นได้  และสถานที่ในการส่งต่อผู้สูงอายุที่จะต้องรองรับผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากพร้อม ๆ กัน ซึ่งมีเตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอในปัจจุบัน อีกทั้งความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค COVID-19 ในโรงพยาบาล  การติดเชื้อดื้อยาต่าง ๆ และภาวะแทรกซ้อนจากโรงพยาบาล ประกอบกับการขาดความพร้อมของญาติในเรื่องการเตรียมสถานที่ดูแลผู้สูงอายุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ในการดูแลผู้สูงอายุ และการขาดทักษะในการดูแลผู้สูงอายุของญาติในส่วนสถานดูแลผู้สูงอายุซึ่งเป็นภาคธุรกิจบริการจะได้รับผลกระทบที่ต้องปิดกิจการ ขาดรายได้ พนักงานตกงาน ต่อมาโดยลำดับ

จากประสบการณ์ที่ในช่วงเวลาที่มีการระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมา สถานดูแลผู้สูงอายุทั้งที่เป็นสมาชิกของสมาคมและไม่ใช่สมาชิกสมาคม ไม่พบผู้ติดเชื้อ COVID19 แม้แต่แห่งเดียวในประเทศไทย ในส่วนสมาคมฯ ได้มีการออกมาตรการเรื่องการป้องกัน COVID-19 สำหรับสถานดูแลผู้สูงอายุตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2563 จนถึง 31 พฤษภาคม 2563โดยประกาศมาตรการต่างๆให้ผู้ประกอบการทั่วประเทศได้รับทราบและยึดเป็นแนวปฏิบัติโดยพร้อมเพียงกัน เช่น การปิดสถานดูแลผู้สูงอายุไม่ให้บุคคลภายนอกเข้ามาภายในสถานดูแลผู้สูงอายุ แจ้งการงดเยี่ยมของญาติ การจำกัดการเข้าออกของพนักงานโดยจัดที่พักให้ และมาตรการต่าง ๆ ตามเอกสารแนบ

ทั้งนี้โดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อผู้สูงอายุเป็นสำคัญ และจากที่ผ่านมาไม่พบการติดเชื้อในสถานดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทย ซึ่งสามารถยืนยันและเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างชัดเจนว่า สถานดูแลผู้สูงอายุในประเทศไทยมีศักยภาพและความพร้อมในการรับมือเพื่อป้องกัน COVID-19 ได้ โดยความร่วมมือของผู้ประกอบการทุกแห่งได้ปฎิบัติตามมาตรการที่สมาคมฯได้กำหนดขึ้นจนประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพในระดับที่น่าพอใจเมื่อเปรียบเทียบกับสถานดูแลผู้สูงอายุในต่างประเทศ ในขณะที่สถานดูแลผู้สูงอายุในต่างประเทศมีการรายงานการติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

ดังนั้นจึงขอความกรุณาท่านนายกรัฐมนตรี ทบทวนการสั่งปิดสถานดูแลผู้สูงอายุ เนื่องด้วยทางสมาคมฯ และผู้ประกอบการทั่วประเทศมีความพร้อมในการรับมือและป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 โดยมีการประกาศมาตรการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องโดยตลอด และในส่วนของแนวทางการป้องกัน เฝ้าระวังและปฏิบัติของสถานดูแลผู้สูงอายุได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสมาชิกและญาติผู้สูงอายุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง