กลุ่มเกษตรกรราชบุรี โวยคำสั่งปิดตลาดศรีเมือง ไม่จัดที่รองรับไว้ให้ขายพืชผัก

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.64 กลุ่มเกษตรกรใน จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียง ซึ่งใช้ชื่อกลุ่มว่า เกษตรกรจะไม่ทน โดยมีนายไชยวิทย์ บัวงาม ประธานสภาเกษตรกร จ.ราชบุรี เป็นตัวแทนได้มายื่นหนังสือต่อนายนภินทร ศรีสรรพางค์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และเป็นประธานกรรมการบริหารตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี เพื่อผ่านไปถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และเป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด 19)

เรื่องคำสั่ง จ.ราชบุรี ที่ให้ปิดตลาดศรีเมือง ซึ่งเป็นศูนย์กระจายสินค้าทางการเกษตร ในภาคตะวันตกและภาคใต้ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากไม่มีที่กระจายสินค้า รวมทั้งพืชผักที่ลงทุนปลูกไปแล้วและกำลังจะเก็บเกี่ยวผลผลิต จะเกิดการเสียหายทำให้ไม่มีเงินทุนหมุนเวียนในการทำการเกษตรครั้งต่อไป

นายไชยวิทย์ บัวงาม ประธานสภาเกษตรกร จ.ราชบุรี กล่าวว่า ที่ยื่นหนังสือในวันนี้ เพื่อจะสอบถามว่า เมื่อมีคำสั่งปิดตลาดแล้วทางตลาด จะมีมาตราการรองรับหรือจะช่วยเกษตรกรอย่างไรบ้าง ซึ่งเกษตรกรนั้นเดือดร้อนจากโควิดแล้วยังมาเดือดร้อนเรื่องไม่มีที่ขายสินค้าเกษตรอีก เกษตรกรที่นำสินค้ามาขายในตลาดศรีเมือง มีมากกว่า 7,000 คนและมียังเกษตรกรจากต่างจังหวัดอีก

จึงต้องไปทวงถามว่าสั่งปิดทำไม เมื่อปิดแล้วจะมีแนวทางช่วยเกษตรกรอย่างไรบ้าง โดยจะให้ทางจังหวัดพิจารณาถึงคำสั่งดังกล่าวใหม่ แต่ถ้าทางจังหวัดยังคงเพิกเฉย ชาวเกษตรกรจะไม่ทน ก็จะนำพืชผักไปตั้งขายที่หน้าศาลากลางจังหวัดราชบุรี แทนตลาดในวันที่ 28 ก.ค.64 นี้

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ กล่าวว่า จะส่งหนังสือเรื่องความเดือดร้อนของเกษตรกรไปให้ทางนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน สบค.ได้พิจารณา ซึ่งหนังสือที่เกษตรกรนำมายื่นนั้นเนื่องมาจากคำสั่งปิดตลาดศรีเมือง เหตุผลอ้างว่ามีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด อยากจะเรียนว่า ตลาดศรีเมืองไม่เหมือนตลาดทั่วไป เป็นศูนย์กลางรวบรวมสินค้าทางการเกษตร มีพ่อค้าแม่ค้าที่มาค้าขายประจำ 6,000 -7,000 คน เกษตรกรจากจังหวัดอื่นในภาคตะวันที่ขนสินค้าทางการเกษตรเข้ามา ซึ่งมีคนที่เชื่อมโยงกับตลาดแห่งนี้ไม่ต่ำกว่า 300,000 คน มีผลผลิตเก็บเกี่ยวมาขายโดยไม่จำเป็นจะต้องมีล็อค หรือ มีแผง

แต่เมื่อมีคำสั่งปิดตลาดศรีเมือง ทำให้เกิดผลกระทบ เมื่อมีผลผลิตออกมาแล้ว ไม่สามารถชะลอการเก็บเกี่ยวได้ ก็จะต้องเก็บมาขายแต่กลับไม่มีที่ขาย เพราะคำสั่ง จ.ราชบุรี ให้ปิดตลาดวันที่ 26 ก.ค.- 2 ส.ค.64 ทำให้เกษตรกรต้องเร่งเก็บเกี่ยวสินค้าของเขาออกมาขาย ซึ่งผลผลิตบางอย่างยังไม่ถึงอายุการเก็บเกี่ยวก็ต้องยอมขายในราคาที่ถูก น่าเห็นใจมาก

การปิดตลาดทำให้ห่วงโซ่อาหารหายไป เกษตรกรไม่มีที่ขาย ผู้บริโภคไม่มีที่ซื้อ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ คำสั่งของจังหวัดที่ออกมานั้นไม่มีมาตรการรองรับในสิ่งเหล่านี้เลย และที่สำคัญกว่านั้น การปิดตลาดแล้วปล่อยให้คนกลับไปภูมิลำเนา ไปค้าขายที่อื่นนั่นคือการหยุดการแพร่กระจายเชื้อได้จริงหรือ

ขณะที่ตลาดศรีเมืองนั้นพยายามแก้ไขปัญหา ด้วยการใช้แลปปิดเทสอย่างต่อเนื่องกับผู้ประกอบการในตลาดศรีเมืองทุก 14 วันโดยเป็นออกค่าใช้จ่ายกันเองระหว่างผู้ประกอบการและตลาด ซึ่งถ้าพบว่าใครมีผลบวกก็จะแจ้งให้กับทางสาธารณสุขได้นำไปตรวจซ้ำอีกครั้งตามระบบของโรงพยาบาล ถ้ายังเป็นบวกก็จะเข้าระบบของสาธารณสุข แต่ถ้าตรวจผลเป็นลบทางตลาดก็จะออกบัตรศรีเมืองโควิด – 19 ให้และจะมีการตรวจซ้ำอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง

ซึ่งเป็นการวางแผนในเบื้องต้นเพื่อเป็นการคัดกรองคนที่ติดเชื้อเข้าสู่ระบบสาธารณสุข ถ้าอาคารไหนตรวจพบเกิน 3 % ก็จะมีการตรวจถี่ขึ้น หรือถ้าทางจังหวัดมีมาตรการไหนที่ดีกว่านี้ ถ้าทางตลาดศรีเมืองทำได้ ก็พร้อมจะทำ แต่การสั่งปิดนั้นไม่มีมาตรการรองรับอะไรเลยหลังจากที่สั่งปิดแล้ว

นอกจากนี้ ทางตลาดได้ทำมาตรการของตลาดเป็นเอกสารเสนอต่อที่ประชุม สบค. และจะขอชี้แจงในเรื่องมาตรการของตลาด แต่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งว่าไม่ให้เข้าชี้แจง ทั้งที่การชี้แจงก็คือการผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ธรรมดา ซึ่งตนมองว่านี่ไม่ใช่การทำงานระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน แต่ท่านใช้อำนาจคิดอย่างเดียวไม่ฟังเหตุและผล ไม่ใช่ความร่วมมือระหว่าง 3 ส่วน

“โดยส่วนตัวเชื่อว่าการแก้ปัญหาโควิด 19 จะต้องรวมพลังใน 3 ส่วนแสดงความสามัคคี ซึ่งเอกชนและภาคเอกชน ร่วมกันคิดและใช้ทุนตัวเอง แต่รัฐกลับปฎิเสธไม่ให้ชี้แจงและมาปิดตลาดอย่างไร้เหตุและผลทำให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าไม่ใช่การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดโควิด 19 ใน จ.ราชบุรี และจังหวัดใกล้เคียงได้

และการที่พูดข้อเท็จจริง และยืนอยู่เคียงข้างพี่น้องเกษตรกร ถ้าหากมีผลกระทบต่อตำแหน่ง ก็ยินดีจะลาออกทั้งหมด ทั้งตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และถ้ามีผลกระทบต่อพรรคภูมิใจไทย ที่เป็นสมาชิกอยู่ก็พร้อมจะลาออกเพื่อมาอยู่ข้างพี่น้องประชาชน”