BAM ปี68เป้ารายได้1.7หมื่นล. เตรียมงบ8พันล.ซื้อหนี้บริหาร
#BAM #ทันหุ้น – BAMวางแผนปี 2568 ตั้งเป้าหมายการจัดเก็บเงินสดที่ 17,000 ล้านบาท วางงบลงทุนสำหรับซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหาร 8,000 ล้านบาท หวังซื้อหนี้เสียมูลค่าประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพหนี้ พร้อมเตรียมเปิดโครงการใหม่ “Smart Garden Home”สำหรับลูกค้าที่เข้าถึงสินเชื่อธนาคารไม่ได้ โบรกมองไตรมาสที่ 4/2568 เริ่มฟื้นตัวให้เป้าหมายราคา 9.30 บาท
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย รองประธานกรรมการ และรักษาการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAMธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและทรัพย์สินรอการขาย เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายการจัดเก็บเงินสดที่ 17,000 ล้านบาท โดยวางงบลงทุนสำหรับซื้อหนี้เสียเข้ามาบริหาร 8,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถซื้อหนี้เสียได้ประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพหนี้เสีย จากปีที่แล้วใช้งบลงทุนซื้อหนี้เสียรวมกับบริษัทร่วมทุน (JV) อยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซื้อหนี้เสียโดยรวมอยู่ที่ 50,000 ล้านบาท
@เตรียมเปิดโครงการใหม่
ปัจจุบันบริษัทมีหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ประมาณ 53,000 ล้านบาท และทรัพย์สินรอการขาย (NPA)มีราคาประเมินอยู่ที่ 73,000 ล้านบาท ซึ่งมีอีกหลายโครงการที่เตรียมไว้สำหรับช่วยลูกหนี้ ตัวอย่างเช่น โครงการ “สุขใจ ได้บ้านคืน” ขณะเดียวกันได้เตรียมโครงการใหม่ “Smart Garden Home” ในการขายบ้านมือสอง ให้แก่ประชาชน คาดว่าจะใช้เงินสำหรับรีโนเวตราว 200 ล้านบาท
เพื่อแก้ปัญหาสำหรับคนที่เข้าถึงสินเชื่อไม่ได้ซึ่งมีที่ดินอยู่หลายร้อยไร่ แบ่งเป็นเนื้อที่ไม่เกิน 200 วา มีบ้านที่ทันสมัยรวมทั้งระบบไฟระบบน้ำที่ไม่พึ่งพิงการไฟฟ้าหรือน้ำประปาจากหน่วยงานรัฐ โดยจะเริ่มจากจังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดนครนายก ราคาอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท คาดจะเริ่มเปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งลูกค้าที่ไม่สามารถขอสินเชื่อจากธนาคารได้ สามารถผ่อนบ้านเองได้ ขณะที่บริษัทจะปรับเพิ่มพอร์ตเงินผ่อนให้เป็น 15-20 ปี จากเดิมที่กำหมดไว้ 5-10 ปี
@Q4/67 เริ่มฟื้นตัว
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/2568 จะกลับมาโต QoQ เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซัน (High Season) ของธุรกิจ ซึ่งปกติจะมีการเร่งเจรจาทั้งเพื่อขาย NPL และ NPA จำนวนมากในช่วงปลายปี แต่คาดยังลดลง YoY เพราะธนาคารยังคงความระมัดระวังสำหรับสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์มือสองมากกว่าปี 2566
แต่ผลลบดังกล่าวบางส่วนคาดถูกชดเชยด้วยผลจัดเก็บเงินสดของลูกหนี้ NPL ปรับโครงสร้างหนี้ที่สูงขึ้นตามขนาดของหนี้เสียภายใต้การบริหาร และได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ อีกทั้งคาดจะเป็นไตรมาสแรกที่เริ่มรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมในการบริหารจัดการ JVAMC ให้กับธนาคารออมสิน (ARIAMC) ทำให้คาดทั้งปี 2567 BAM จะมีกำไรสุทธิ 1,525 ล้านบาท ลดลง 0.6% YoY ก่อนจะกลับมาโต 20.7% YoY ในปี 2568 แนะนำ “ซื้อ” ให้เป้าหมายราคา 9.30 บาท
ทั้งนี้ BAM มีนโยบายการดำเนินธุรกิจ เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ทุกรายเข้ามาเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อหาข้อยุติร่วมกัน ด้วยเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น ผ่านวิธีการต่างๆ เช่น การปรับลดหนี้ การโอนตีทรัพย์ชำระหนี้ การให้ลูกหนี้สามารถซื้อคืนทรัพย์หลักประกันได้ เป็นต้น และยังมีโครงการต่างๆ ช่วยเหลือลูกหนี้ เช่น “โครงการสุขใจได้บ้านคืน” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ BAM ที่ต้องการคืนทรัพย์หลักประกันทั้งที่อยู่อาศัยหรือที่ทำกินให้แก่ลูกหนี้
โดย BAM เตรียมนำระบบ AI มาช่วยในการประเมินกำลังความสามารถในการชำระเงินของลูกหนี้ และวิเคราะห์แผนการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสมกับลูกหนี้อีกด้วย รวมถึง Transformation for Growth มีเป้าหมายเพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเพิ่มยอดผลเรียกเก็บและช่วยลดค่าใช้จ่าย โดยทำ Digitalization Channel ในการสื่อสารกับลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาติดต่อ BAM ทุกช่องทางได้รับประสบการณ์ที่ดีในการให้บริการ นอกจากนี้ การนำ Data มาใช้ในการวิเคราะห์และช่วยในการตัดสินใจเพื่อให้การบริหารหนี้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น