รีเซต

นครพนมวังเวง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด บขส.เงียบราวป่าช้า

นครพนมวังเวง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด บขส.เงียบราวป่าช้า
77ข่าวเด็ด
28 มีนาคม 2563 ( 03:08 )
84
นครพนมวังเวง หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด บขส.เงียบราวป่าช้า

นครพนม – กรณี นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ร่วมกับ นายแพทย์จิณณพิภัทร ชูปัญญา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม (สสจ.ฯ) นายแพทย์ธราพงษ์ กัปโก นายแพทย์เชี่ยวชาญ (ด้านเวชกรรมป้องกัน) รองนายแพทย์ สสจ.นครพนม นายแพทย์กิตติศักดิ์ ฐานวิเศษ รอง ผอ.รพ.นครพนม และ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ร่วมแถลงข่าวกรณีพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด 19 รายแรกของจังหวัดนครพนม เป็นหญิงสูงวัยอายุ 63 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านท่าดอกแก้ว ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ทำงานเป็นแม่บ้านสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ กทม. โดยมีประวัติได้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 19 และพบว่ามีโรคประจำตัว เช่น ความดันฯ เบาหวาน และดื่มเหล้าสูบบุหรี่ด้วย

ผวจ.นครพนม หลังลงตรวจพื้นที่บ้านท่าดอกแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง มีเส้นทางเข้า-ออกหลายทาง ด้วยความเป็นห่วงการแพร่ระบาดจะกระจายไปสู่หมู่บ้านอื่น จึงได้ออกคำสั่งฯที่ 694/2563 ห้ามผู้ใดเข้าหรือออกพื้นที่บ้านท่าดอกแก้ว หมู่ 5 และ หมู่ 6 ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จนถึงวันที่ 10 เมษายน 2563 ก็จะปลดล็อคการควบคุม แต่ถ้าหากมีความจำเป็นจะต้องเข้า-ออกพื้นที่ควบคุมดังกล่าว ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เท่านั้น ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ 2558

ซึ่งการสั่งปิดหมู่บ้านท่าดอกแก้ว หมู่ที่ 5 และ 6 เป็นบทพิสูจน์อย่างหนึ่ง เพื่อทดสอบบทบาทผู้นำท้องที่ เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำท้องถิ่นอย่าง นายก อบต.ท่าจำปา และนายอำเภอท่าอุเทน  ในการควบคุมโรคตามข้อกำหนดตามพระราชกำหนดฯที่ประกาศบังคับใช้ ซึ่งหลังประกาศปิดหมู่บ้าน มีการเข้มงวดการเข้าออกของผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องขณะที่ทางจังหวัดนครพนมได้วางมาตรการส่งเสบียงอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนผู้ที่จะบริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภค สามารถติดต่อผ่านศูนย์จังหวัดได้ตลอดเวลา

ต่อมา วันที่ 28 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนม(บขส.) พบว่าแตกต่างจากหลายวันก่อนมาก เก้าอี้ม้านั่งว่างเปล่ามีจำนวนผู้โดยสารเพียง 7 คน ขณะที่รถโดยสารหลายสายได้ติดป้ายหยุดวิ่งชั่วคราว จนกว่าสถานการณ์จะปกติ ด้านรถบัสระหว่างประเทศไทย-ลาว มีผู้โดยสารเพียง 3 คนเท่านั้น ซึ่งหากเป็นเช่นนี้คาดว่าจะมีรถโดยสารหยุดวิ่งไปโดยปริยาย เพราะไม่มีผู้โดยสารนั่นเอง