รีเซต

ปลัด สธ.เผยแนวโน้มโควิดพุ่ง! สั่ง สสจ.-ผอ.รพ.ทั่วปท.เปิดวอล์กอินฉีดวัคซีน

ปลัด สธ.เผยแนวโน้มโควิดพุ่ง! สั่ง สสจ.-ผอ.รพ.ทั่วปท.เปิดวอล์กอินฉีดวัคซีน
มติชน
5 มกราคม 2565 ( 17:46 )
93
ปลัด สธ.เผยแนวโน้มโควิดพุ่ง! สั่ง สสจ.-ผอ.รพ.ทั่วปท.เปิดวอล์กอินฉีดวัคซีน

ข่าววันนี้ (5 มกราคม 2565) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ของประเทศไทยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,899 ราย รักษาหาย 2,508 ราย และเสียชีวิต 19 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 34,877 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยปอดอักเสบ 541 ราย และใส่เครื่องช่วยหายใจ 149 ราย พบผู้ติดเชื้อมาจากต่างประเทศ 169 ราย

 

“สำหรับการติดเชื้อภายในประเทศ พบลักษณะเป็นกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) โดยเฉพาะร้านอาหารกึ่งผับ ร้านหมูกระทะ และสถานบันเทิง ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ COVID Free Setting ในหลายจังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ พะเยา อุบลราชธานี ขอนแก่น ชลบุรี มหาสารคาม และอุดรธานี นอกจากนี้ ยังพบการติดเชื้อที่เกี่ยวข้องกับตลาด เรือนจำ โรงงาน สถานประกอบการ ถนนคนเดิน แคมป์คนงาน งานศพ งานแต่ง และงานเลี้ยงปีใหม่” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว ทั้งนี้ ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ สถานการณ์เริ่มเป็นไปตามที่คาดการณ์ คือ ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตลดลง แต่พบสัญญาณผู้ติดเชื้อมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะจังหวัดท่องเที่ยว และจังหวัดที่มีผู้เดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนมาก จึงขอให้ประชาชนที่กลับจากการเดินทางช่วงปีใหม่เฝ้าระวังสังเกตอาการตนเอง 14 วัน ขอให้หน่วยงานและสถานประกอบการต่าง ๆ เน้นการทำงานที่บ้าน (Work From Home) ในสัปดาห์แรก พร้อมตรวจ ATK อย่างน้อย 2 ครั้ง ห่างกัน 3 วัน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางด้วยขนส่งสาธารณะนานเกิน 4 ชั่วโมง หรือไปในสถานที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และงดการรวมกลุ่มรับประทานอาหารร่วมกัน

 

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ได้ประชุมทางไกลผ่านระบบวีดิโอกับนายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัด (นพ.สสจ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) ให้เตรียมความพร้อมรับผู้ป่วยทั้งเตียง ยาและเวชภัณฑ์ และจัดระบบการรักษาที่บ้านหรือชุมชน (Home Isolation : HI / Community Isolation : CI) ไว้รองรับผู้ป่วยซึ่งส่วนใหญ่จะไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย ขณะเดียวกัน ให้ขยายบริการฉีดวัคซีนทั้งแบบวอล์ก อิน (walk in) และจัดบริการเชิงรุกในพื้นที่ เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนมากที่สุด

 

“ขอให้ประชาชนไปรับวัคซีน ทั้งผู้ที่ยังไม่เคยได้รับ และผู้ที่ถึงเวลารับเข็มกระตุ้นตามที่กำหนด โดยติดต่อสอบถามสถานบริการของรัฐใกล้บ้านได้ และใช้มาตรการป้องกันตนเองขั้นสูงสุด โดยเฉพาะการสวมหน้ากากตลอดเวลา ล้างมือ และเว้นระยะห่าง รวมถึงงดไปสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ ซึ่งหากพบสถานที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการขอให้แจ้งฝ่ายปกครองในพื้นที่ เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง