รีเซต

PRM คาด Q4/67 โตต่อเนื่อง เริ่มรับรู้รายได้จาก"วี.ซี.ชิปปิ้ง"

PRM คาด Q4/67 โตต่อเนื่อง เริ่มรับรู้รายได้จาก"วี.ซี.ชิปปิ้ง"
ทันหุ้น
20 พฤศจิกายน 2567 ( 15:39 )
7

#PRM #ทันหุ้น-PRM แย้มไตรมาส 4 ฟอร์มสวย! ท่องเที่ยวหนุนยอดใช้น้ำมัน พร้อมเดินหน้ารับรู้รายได้ “วี.ซี.ชิปปิ้งฯ” หลังเข้าเทคโอเวอร์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  หนุนภาพรวมทั้งปี 67 เติบโตตามแผน

 

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/67 คาดมีทิศทางที่เติบโตต่อเนื่อง จากการเข้างานของเรือ FSO ข้างต้น ประกอบกับฤดูกาลท่องเที่ยวที่หนุนปริมาณการขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันอากาศยานในประเทศเพิ่มขึ้น

 

นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อกิจการ บจก. วี.ซี.ชิปปิ้ง แอนด์ เซอร์วิส บริษัทชั้นนำในด้านธุรกิจ Shipping ของสินค้าในกลุ่มน้ำมันและปิโตรเคมี ตั้งแต่ไตรมาส 4/2567 เป็นต้นไป หลังได้เข้าซื้อกิจการเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา พร้อมผลักดันแผนเดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ "TMS Offshore Ventures Inc" เพื่อดำเนินธุรกิจประเภทให้บริการขนส่งสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล ด้วยทุนจดทะเบียน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการแก่ลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าจพะพร้อมให้บริการตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นไป

 

สำหรับผลดำเนินงานไตรมาส 3/67 มีรายได้จากการให้บริการ 2,170.5 ล้านบาท เติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จากการให้บริการจำนวน 1,835.5 ล้านบาท  และมีกำไรสุทธิ 494.3 ล้านบาท โต 48% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 333.8 ล้านบาท โดยปัจจัยสนับสนุนให้ผลประกอบการเติบโต ประกอบด้วย 

 

1. ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปและเคมี (Petroleum and Chemical Tankers “PCT”) ที่มีรายได้เติบโต 13% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มเรือขนส่งเคมีเหลว 1 ลำ ตั้งแต่ไตรมาส 4/2566 และเรือขนส่งน้ำมันสำเร็จรูป 1 ลำ ตั้งแต่ไตรมาส 2/2567 และการขยายฐานลูกค้าการขนส่งเคมีเหลวไปยังประเทศมาเลเซีย รวมถึงปริมาณการขนส่งน้ำมันอากาศยาน Jet A-1 ในประเทศที่มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้น โดยปลายไตรมาส 3/2567 บริษัทได้ขายเรือขนาดเล็กที่มีอายุมากและมีค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงออกไป 1 ลำ และเตรียมนำเรือต่อใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงและประหยัดพลังงานมาทดแทน

 

2. ธุรกิจเรือกักเก็บและผสมน้ำมันกลางทะเล (Floating Storage Unit “FSU”) มีอัตราการใช้งานเพิ่ม สูงขึ้นจากสถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง โดยในไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ระดับ 82% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 52% ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 3/2567 โต 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

3. ธุรกิจเรือสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore Support Vessel “OSV”) มีรายได้เติบโตอย่างโดดเด่น จากการให้บริการเรือ AWB 1 ลำ และ Hybrid Crew Boat 2 ลำเพิ่มเติม ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2567 ที่ผ่านมา ส่งผลให้รายได้ไตรมาส 3/2567 โตกว่า 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

4. ธุรกิจตัวแทนสายเดินเรือและออกของ (Ship Agent and Shipping “SAS”) มีรายได้โต 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากการขยายการให้บริการ Shipping ไปยังลูกค้ากลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ในขณะต้นทุนค่านายหน้าเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2566 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเล็กน้อย

 

5. ธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันดิบ (Crude Oil Carrier “COC”) ไตรมาส 3/2567 มีรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการนำเรือ Aframax เข้าอู่แห้งเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นเรือกักเก็บปิโตรเลียมเพื่อสนับสนุนการผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Floating Storage and Offloading Vessel “FSO”) และจะเริ่มให้บริการลูกค้าตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 ภายใต้สัญญา Bareboat Contract ระยะยาว ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ที่แน่นอน โดยไม่มีความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาเชื้อเพลิง

 

ผลประกอบการในช่วง 9 เดือนปี 2567 มีรายได้จากการให้บริการ 6,689.7 ล้านบาท โต 11% และกำไรสุทธิ 1,761.5 ล้านบาท โต  22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง