น้อยใจพ่อแม่ลำเอียงไม่แบ่งเงินเยียวยา 5 พัน จุดไฟเผาร้านซ่อมรถพี่ชาย
ลูกชายวัย 33 ปี น้อยใจพ่อแม่ ลำเอียง กู้เงิน 3 แสน มาทำร้านซ่อมรถให้พี่ แถมถมที่สูงน้ำไหลท่วมบ้านเก่า ต้องย้ายไปอยู่อีกหลัง สุดท้ายทั้งพ่อ และแม่ ได้รับเงินเยียวยาเดือนละ 5 พัน กลับเอาไปต่อเติมบ้าน เสียใจหลายหน ลงมือจุดไฟเผาร้านซ่อมรถพี่ชายเพื่อระบายความแค้น พร้อมขู่ซ้ำหากยังลำเอียงจะผูกคอตาย
เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ร.ค.อ.ณภัทร สุทธิธนากูล รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีคนพยายามเผาบ้านตัวเอง จึงประสานหน่วยกู้ภัยสยามรวมใจปู่อินทร์บุรีรัมย์ พร้อมรถดับเพลิงของ อบต.นางรอง อ.นางรอง ไปให้ความช่วยเหลือ
ที่เกิดเหตุเป็นอาคารปูนชั้นเดียว เปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ กึ่งที่อยู่อาศัยเลขที่ 2 หมู่ 8 ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ พบเพลิงกำลังลุกไหม้ที่เก็บซากรถจักรยายนต์บริเวณด้านหลังของตัวบ้าน
กู้ภัยและรถดับเพลิงช่วยกันดับไฟ ประมาณ 20 นาที จึงสามารถระงับเพลิงไว้ได้ ตรวจสอบพบมีซากรถและตัวบ้านด้านหลังถูกไฟไหม้เล็กน้อย เนื่องจากเจ้าหน้าที่มาช่วยได้ทันเวลา
ตำรวจสอบสวน พบว่าผู้ก่อเหตุคือนายวุฒิชาติ สงวนรัมย์ อายุ 33 ปี เป็นลูกชายคนกลางจาก 3 คนของเจ้าของบ้าน ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมให้การกับตำรวจว่า ตนเป็นคนจุดไฟเผาจริง
สาเหตุเพราะน้อยใจพ่อกับแม่มาหลายครั้ง ตั้งแต่แม่ไปกู้เงิน ธกส.มาจำนวน 300,000 บาทมาสร้างบ้านเปิดเป็นร้านซ่อมรถให้พี่ชายอยู่ ส่วนตัวเองกับน้องชาย ต้องไปอาศัยอยู่บ้านหลังเก่า แต่สภาพเป็นที่ลุ่ม เพราะบ้านหลังใหม่ถมสูง
เมื่อฝนตกน้ำก็ท่วมทุกครั้ง จึงจำเป็นต้องมาหาที่อยู่ใหม่ใกล้กัน และคิดน้อยใจมาโดยตลอด เพราะตนกับน้องชายเป็นคนใช้แรงทำไร่มันและนาข้าว แต่พี่ชายกลายเป็นนายช่างใหญ่
จุดที่ตนทนไม่ได้คือพ่อกับแม่ ซึ่งได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเดือนละ 5,000 บาท สองคนรวมเดือนละ 10,000 บาท แต่กลับเอาเงินที่ได้มา ไปต่อเติมบ้านให้กับพี่ชายอีก ส่วนตัวแม่ยื่นเงินให้เพียง 1,000 บาท รู้สึกน้อยใจจนทนไม่ไหว จุดไฟเผารถของพี่ชายเพื่อระบายความแค้น และหากแม่ยังมีพฤติกรรมลำเอียงอีก ตนก็จะขอผูกคอตายในบ้านหลังเก่า
ด้านนางสมจิตร สงวนรัมย์ อายุ 58 ปี แม่ของนายวิฒิชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยลำเอียง รักลูกทั้ง 3 คนเท่ากัน แต่ต้องให้สร้างที่ทำกินก่อน หลังจากเศรษฐกิจดีขึ้น ก็จะให้ลูกทุกคน เงินเยียวยาที่ได้จากรัฐบาล ต้องเอามาสร้างห้องน้ำ เพราะที่เดิมน้ำท่วม ไม่อยากให้ลูกคิดมาก
ส่วนเรื่องคดีแม่ไม่ติดใจ เอาเรื่อง ประกอบกับไม่มีทรัพย์สินได้รับความเสียหายมาก เจ้าหน้าที่จึงเตือนผู้ก่อเหตุว่าหากก่อเหตุอีกหรือทำให้ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย อาจจะถูกตั้งข้อหา”วางเพลิงเผาทรัพย์”ได้