บริษัทจดจำใบหน้าถูกอังกฤษสั่งให้ลบและเสียค่าปรับฐานแอบเก็บรูปใบหน้าคนกว่า 2 หมื่นล้านรูป
สำนักงานคณะกรรมาธิการสารสนเทศแห่งสหราชอาณาจักร (UK’s Information Commissioner’s Office: ICO) แถลงการณ์ออกคำสั่งให้บริษัท ClearView AI บริษัทด้านการจดจำใบหน้าจากสหรัฐฯ ลบฐานข้อมูลการจดจำใบหน้าทั้งหมดกว่า 2 หมื่นล้านรูป พร้อมกับเสียค่าปรับอีกกว่า 7.5 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 320 ล้านบาท โดย ICO ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพลเมืองอังกฤษ
บริษัท ClearView AI ก่อตั้งขึ้นในปี 2017 เพื่อสร้างอัลกอริทึม (Algorithm) ในการจดจำใบหน้าบุคคลต่าง ๆ และนำข้อมูลและระบบการตรวจสอบไปขายสิทธิ์การเข้าถึงให้กับหน่วยงานด้านความมั่นคงและการบังคับใช้กฎหมาย เช่น สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) จนกระทั่งตกเป็นข่าวฉาวโฉ่จากการมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มชาตินิยมขวาจัดในสหรัฐฯ และยังถูกสั่งให้ลบฐานข้อมูลและเสียค่าปรับข้อหาละเมิดสิทธิส่วนบุคคลในอิตาลีเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วย
ICO มองว่าการกระทำของ ClearView AI ไม่ใช่เพียงแค่การเก็บข้อมูลเพื่อระบุตัวตน แต่เป็นการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ในเชิงพาณิชย์ ซึ่งการกระทำในลักษณะดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายของอังกฤษด้านสิทธิส่วนบุคคล รวมถึงข้อบัญญัติว่าด้วยการป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลทั้งของอังกฤษและสหภาพยุโรป ดังนั้น ICO จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายโดยการสั่งปรับรวมถึงใช้อำนาจรัฐฯ ในการสั่งทำลายฐานข้อมูลที่ ClearView AI รวบรวมเอาไว้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของพลเมือง
ClearView AI ใช้ลูกเล่นในการเก็บรวบรวมข้อมูลใบหน้าบุคคลต่าง ๆ ในสหราชอาณาจักรและอีกหลายประเทศในยุโรปโดยนำภาพจากแหล่งสาธารณะมาเปรียบเทียบกับข้อมูลใบหน้าที่จับภาพได้จริงโดยหลอกล่อให้ประชาชนยินยอมในการจับภาพใบหน้าผ่านทางแอปพลิเคชันของ ClearView AI แล้วนำไปจับคู่ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ซึ่งทางบริษัทกล่าวว่ามีความแม่นยำสูงถึง 98.6% หรือแปลว่าทุก ๆ 100 ภาพ ใบหน้าที่ส่งเข้าไปตรวจสอบจะระบุตัวตนได้อย่างน้อย 98 คน ระบบนี้จัดเป็น 1 ใน 10 ระบบ จับภาพใบหน้าที่แม่นยำที่สุดในการทดสอบของสถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติสหรัฐฯ (NIST)
ลักษณะการทำธุรกิจของ ClearView AI นั้นเป็นที่วิตกกังวลของรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก เพราะถ้าหาก ClearView AI ประสบความสำเร็จตามแผนธุรกิจที่ตั้งเป้าไว้ จะทำให้ผู้คนกว่า 1 แสนล้านคนมีโอกาสอยู่ในฐานข้อมูลของบริษัทภายในปี 2023 ซึ่งการตอบโต้ของรัฐบาลอังกฤษและอีกหลายประเทศถือเป็นความสำเร็จในการหยุดยั้งการทำลายความเป็นส่วนตัวของพลเมืองของตนอย่างรวดเร็วและทันท่วงที
ที่มาข้อมูล BBC
ที่มารูปภาพ Pexel.com