รีเซต

ปทุมธานี บิ๊กแจ็สจับมือท้องถิ่น ลอกคลองสิบหนองเสือ เตรียมรับมือ ไลออนร็อค

ปทุมธานี บิ๊กแจ็สจับมือท้องถิ่น ลอกคลองสิบหนองเสือ เตรียมรับมือ ไลออนร็อค
ข่าวสด
6 ตุลาคม 2564 ( 13:36 )
35

นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ร่วมกับท้องถิ่น ตรวจการขุดลอกคลองโดยเรือโป๊ะ ภายในคลอง 10 กำจัดวัชพืช รองรับสถานการณ์ปัญหาอุทกภัย ประสานการปฏิบัติ เตรียมความพร้อม กำลังพล วัสดุ อุปกรณ์ เครื่องจักร ยานพาหนะ รับมือ ไลออนร็อค พร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 6 ตุลาคม 2564 ที่คลอง10 บริเวณที่ริมเขื่อนหน้าที่ว่าการอำเภอหนองเสือ ตำบลบึงบา อำเภอหนองเสือ จังหวัดปทุมธานี "บิ๊กแจ็ส"พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมทีมบริหาร ได้ร่วมกับท้องถิ่นลงพื้นที่ติดตามตรวจการทำงานขุดลอกคลองโดยใช้เรือโป๊ะในการขุดลอกภายในคลอง 10 ซึ่งเป็นหนึ่งคลองจากการดำเนินการทั่งหมด 14 คลอง

 

เพื่อเป็นการปรับทัศนียภาพเเละกำจัดวัชพืชบริเวณผิวน้ำ รวมไปถึงรองรับสถานการณ์ที่อาจจะเกิดปัญหาอุทกภัยในช่วงสองวันข้างหน้าหากมีผลกระทบจากน้ำฝนและเป็นช่วงน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับปริมาณน้ำรวมไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น อาจส่งผลทำให้ระดับน้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก 30 - 50 เซนติเมตร และรับพายุหมายเลข 17 ไลออนร็อค จะทำให้ฝนตกหนักในภาคเหนือและอีสานตอนบนในวันที่ 11-12 ต.ค.64นี้

 

 

สืบเนื่องกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ มีประกาศแจ้งว่า ได้ประเมินสถานการณ์น้ำแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก พบว่า เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำเจ้าพระยาได้ไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,775 - 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากสูงสุดจากเขื่อนปาสักชลสิทธิ์ได้ไหลผ่านเขื่อนพระรามหกสูงสุดในอัตรา 762 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

 

 

โดยคาดว่าในวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ปริมาณน้ำหลากรวมกันผ่าน อำเภอบางไทร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในเกณฑ์สูงสุดที่ 3,050 - 3,150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งจะไหลออกสู่อ่าวไทย ในช่วงวันที่ 7-10 ตุลาคม 2564 ประกอบกับในช่วงเวลาดังกล่าว เกิดสภาวะน้ำทะเลหนุนสูง คาดว่าจะส่งผลให้ระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 30-50 เซนติเมตร บริเวณพื้นที่ลุ่มน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา

 

 

กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดปทุมธานี จึงเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว โดยแจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอเมืองปทุมธานี และอำเภอสามโคก ทราบถึงสถานการณ์น้ำปัจจุบัน และเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

 

 

นอกจากนี้ ขอให้อำเภอเมืองปทุมธานี อำเภอสามโคก กำชับผู้อำนวยการท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ติดตามสถานการณ์และตรวจสอบแนวคันกันน้ำให้มีความพร้อมรับสถานการณ์ดังกล่าว ตลอดจนประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่เตรียมความพร้อม กำลังพล วัสดุ อุปกรณ์เครื่องจักร และยานพาหนะ ให้พร้อมปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง หากเกิดสาธารณภัยขึ้นในพื้นที่ให้รายงานสถานการณ์ และการให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้น ให้กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดทราบทันที ผ่านทางสายด่วน 1784

 

 

 

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า จากสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน ทางอบจ.ปทุมธานี ได้ดำเนินการเพื่อเตรียมรองรับน้ำมาก่อนหน้านี้ 2 เดือนแล้ว เพื่อเป็นการเตรียมการรองรับน้ำที่หลากเข้ามา และให้ทันเหตุการณ์ ซึ่งเราได้เปลี่ยนวิธีการจากเดิมที่เมื่อก่อนได้ใช้รถแบคโฮอยู่บนถนนเพื่อแหวกทางน้ำทำให้เกิดการสั่นสะเทือนของรถแบคโฮ ทำให้ดินด้านล่างปลิ้นออกทำให้ถนนทรุด เมื่อถนนทรุดก็มาซ่อมถนนอีก

 

 

ภายในคลองเมื่อหน้าแล้งผักตกชวาหญ้าวัคพืชก็ขึ้นเต็มหมด แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว เพราะว่าเราเปลี่ยนวิธีการโดยการใช้เรือโป๊ะรถแบคโฮลงตามแนวความคิดของ ท่านเสวก ประเสริฐสุข รองนายก อบจ.ปทุมธานี ขณะนี้เราได้ว่า จ้างบริษัทเข้ามาขูดลอกโดยตรง ต่อไปนี้วัคพืชต่าง ๆ ต้องไม่มีในคลองส่งน้ำ คลองส่งน้ำต้องเป็นคลองส่งน้ำ

 

"วันนี้ผมต้องขอบคุณหลายฝ่าย ขอบคุณทีมงานและ นายสุริยา ธรรมธารา และนายสมบัติ วงค์กวน สจ.ในพื้นที่ ที่มาช่วยดูแลการดำเนินการของการขุดลอกคลอง และนายวริศ เจริญกัลป์ นายกเทศมนตรีตำบลหนองเสือ ส่งอาหารและเครื่องดื่มมาช่วยดูแลเจ้าหน้าที่อย่างดี หลังจากที่มีการเลือกตั้งนายก อบต.แล้ว ผมจะเชิญทุกนายก องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นทั้ง 65 พื้นที่มา MOU เพื่อที่จะให้ทาง อบจ.สนับสนุนอะไรบอกมา ในส่วนของคลองส่งน้ำเพื่อทำดีแล้วก็ต้องช่วยกันดูแล เราจะมากำหนดแนวทางการดูแลกัน ต่อไปนี้คลองในปทุมธานีต้องยั่งยืน เพื่อให้ประเพณีในพื้นที่ต่าง ๆ กลับมา"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง