บาทอ่อนรั้งอันดับ 5 ในภูมิภาคเอเชีย
รายงานข่าวจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาแจ้งว่า ค่าเงินบาทในสัปดาห์ีนี้คาดว่าเคลื่อนไหวที่กรอบ 29.90-30.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ปัจจัยที่ต้องติดตามการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินหรือเอฟโอเอ็มซี ของธนาคารกลาสหรัฐ(เฟด) ตลาดมองว่าคงดอกเบี้ยไว้เหมือนเดิม 0-0.25% และใช้นโยบายคิวอีในการดูแลเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป โดยตลาดดูการส่งสัญญาณของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดว่าจะมีอะไรออกมาบ้าง
ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังนายโจ ไบเดน ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการตลาดมีความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะกลับมาอีกครั้งแม้ว่าไม่รุนแรงเท่ากับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐคนก่อน นายโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐออกมาระบุส่งสัญญาณว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐจะไม่อ่อนข้อให้จีน โดยจะเดินหน้าทำงานร่วมกันกับชาติพันธมิตร และสนับสนุนการลงทุนเพื่อทำให้เอกชนและแรงงานของสหรัฐสามารถแข่งขันกับจีนได้ หลังอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เปิดฉากสงครามการค้ากับจีน
" ทันทีที่ "เยลเลน" ออกมาพูดว่าจะไม่ถอนถอนสงครามทางการค้ากับจีนทำให้ค่าเงินบาทและค่าเงินในภูมิภาคเอเชียกลับมาอ่อนค่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวแตะระดับ 30 บาทกว่าต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกันต้องติดตามมาตรการการคลังที่รัฐจะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจAmerican Rescue Plan" วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐจะผ่านสภาครองเกรสหรือไม่"
สำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินในภูมิภาค ตั้งแต่ 4 ม.ค. - 22 ม.ค.ที่ผ่านมาพบว่าสกุลเงินส่วนใหญ่อ่อนค่า โดยวอน-เกาหลีใต้มากสุด 1.52% ริงกิต-มาเลเซีย 0.55% เยน-ญี่ปุ่น 0.42 % ดอลลาร์- สิงคโปร์ 0.35% บาท-ไทย 0.28%เปโซ-ฟิลิปปินส์ 0.14% รูปี-อินเดีย 0.01%ยกเว้น ดอลลาร์-ไต้หวันแข็ง 1.2 % หยวน-จีน 0.8%รูเปียห์-อินโดนีเซีย ไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาวะเงินทุนเคลื่อนย้ายตั้งแต่วันที่ 4 ม.ค.-ถึง 22 ม.ค.ที่ผ่านมาพบว่า ต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,419 ล้านบาท ขายสุทธิพันธบัตร 437ล้านบาท
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE