ไทม์ไลน์ชายแดนไทย–กัมพูชา ปะทุปลายก.ค. ถึงสถานการณ์ล่าสุด 15 ต.ค. 68

ไทม์ไลน์สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ถึง 15 ตุลาคม 2568
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชายังคงเป็นประเด็นเฝ้าระวังต่อเนื่อง หลังเกิดเหตุปะทะรุนแรงหลายจุดตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ก่อนจะเข้าสู่การเจรจาหยุดยิงภายใต้กรอบ 13 ข้อ และเริ่มมีสัญญาณคลี่คลายลงจนถึงกลางเดือนตุลาคม 2568
จุดเริ่มต้นเหตุปะทะ
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 เกิดเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดบริเวณช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ส่งผลให้เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 4 นาย ฝ่ายไทยมีคำสั่งปิดด่านชายแดน 4 จุด พร้อมลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และเพิ่มกำลังลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง
เช้าวันที่ 24 กรกฎาคม ฝ่ายไทยตรวจพบการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาพร้อมอาวุธและโดรนใกล้ปราสาทตาเมือนธม ก่อนเกิดการปะทะเป็นวงกว้างตามแนวชายแดนหลายจุด ทั้งบริเวณปราสาทตาควาย เขาพระวิหาร ช่องอานม้า ช่องบก และช่องจอม โดยฝ่ายไทยยืนยันเป็นการป้องกันตัว ขณะที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากก่อน
ความรุนแรงขยายวง
วันที่ 25 กรกฎาคม การสู้รบยกระดับเป็นการใช้ปืนใหญ่และรถถัง กัมพูชาใช้ BM-21 ยิงตอบโต้ ขณะที่ไทยโต้กลับด้วยกำลังราบในหลายแนวรบ เช่น ช่องบก ช่องตาเฒ่า และเขาพระวิหาร ส่วนพื้นที่ภูมะเขือมีการยิงโต้ตอบตลอดวัน ส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายได้รับความเสียหายเพิ่ม
กระทั่งเช้ามืดวันที่ 27 กรกฎาคม กัมพูชาเปิดฉากโจมตีอีกครั้งที่ปราสาทตาควาย การปะทะลุกลามหลายจุด ทำให้กำลังพลทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พลเรือนในจังหวัดศรีสะเกษและสุรินทร์ต้องอพยพออกจากพื้นที่
วันที่ 28 กรกฎาคม ไทยถ่ายภาพยืนยันว่าฝ่ายกัมพูชาติดตั้งอาวุธยิงวิถีโค้งในเขตพลเรือน ก่อนประกาศให้จังหวัดสุรินทร์เป็น “เขตภัยพิบัติสงคราม” เพื่อเร่งอพยพประชาชน
เข้าสู่การเจรจาและหยุดยิง
ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นสิงหาคม การสู้รบยังเกิดขึ้นประปราย แต่กระแสเรียกร้องให้เปิดโต๊ะเจรจาเริ่มชัดเจน
วันที่ 6–7 สิงหาคม 2568 ไทยและกัมพูชาเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐฯ และจีนร่วมสังเกตการณ์ ทั้งสองฝ่ายตกลงใน กรอบหยุดยิง 13 ข้อ ครอบคลุมการยุติการใช้อาวุธ เปิดช่องทางมนุษยธรรม ถอนกำลัง และตั้งคณะตรวจสอบเหตุละเมิดข้อตกลง
หลังหยุดยิง ความตึงเครียดยังไม่หมด
ตลอดเดือนสิงหาคมถึงกันยายน สถานการณ์โดยรวมเริ่มสงบ แต่ยังมีเหตุการณ์ยิงย่อยและการวางทุ่นระเบิดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณช่องบกและช่องอานม้า ซึ่งตรวจพบโดรนไม่ทราบฝ่ายบินเหนือเขตควบคุม
หน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าปฏิบัติงานตลอดแนวชายแดน พร้อมจัดตั้งคณะประสานงานในพื้นที่เพื่อป้องกันการปะทะซ้ำ ขณะที่ประชาชนที่อพยพเริ่มทยอยกลับบ้าน
สถานการณ์ล่าสุด ตุลาคม 2568
ช่วงต้นเดือนตุลาคม สถานการณ์ชายแดนกลับมาสงบในระดับหนึ่ง แม้ยังมีการลาดตระเวนและยิงเตือนเป็นบางจุด
วันที่ 11 ตุลาคม นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพลังงานลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อตรวจความมั่นคงแนวชายแดน พร้อมติดตั้งระบบไฟส่องสว่างให้กำลังพลในจุดเสี่ยง
ต่อมา 13–14 ตุลาคม กองทัพภาคที่ 1 รายงานว่า พื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชายังไม่มีเหตุปะทะรุนแรง แต่ยังคงตรึงกำลังและเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากพบการเคลื่อนย้ายกำลังของฝ่ายกัมพูชาบางส่วน
สรุปสถานการณ์ปัจจุบัน (15 ตุลาคม 2568)
สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชาคลี่คลายลงภายใต้ข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ แต่ยังคงต้องจับตาความเสี่ยงจากทุ่นระเบิด การลาดตระเวน และความเคลื่อนไหวของกองกำลังในจุดยุทธศาสตร์
กองทัพไทยยังคงดำเนินมาตรการป้องกันพื้นที่อย่างเข้มงวด พร้อมคงช่องทางการเจรจาในระดับทวิภาคี เพื่อรักษาเสถียรภาพและสันติภาพชายแดนระยะยาว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
