TikTok ยอมแยกหุ้นขายนักลงทุนสหรัฐฯ เลี่ยงโทษแบน มีผล ม.ค. ปีหน้า

ยืดเยื้อกันอยู่นาน สำหรับความอยู่รอดของแอปพลิเคชันวิดีโอสั้นแนวตั้งชื่อดัง อย่าง TikTok ในสหรัฐฯ ล่าสุด ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่ของ TikTok สัญชาติจีน ได้ลงนามข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายกับกลุ่มนักทุนสหรัฐฯ และต่างชาติ เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนที่ถือครอง TikTok ในสหรัฐฯ

โดยดีลนี้จะมีผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 22 มกราคม 2026 ตามโจว ซือ ชิว ซีอีโอของ TikTok ได้แจ้งไว้กับพนักงาน  

ดีลนี้จะทำให้การกำกับดูแล TikTok ในสหรัฐฯ ถูกโอนสู่บริษัทใหม่ในชื่อ “TikTok USDS Joint Venture LLC” ซึ่งมีนักลงทุนอเมริกันถือหุ้นมากกว่า 80% โดยมี โอราเคิล (Oracle), ซิลเวอร์ เลค (Silver Lake) และเอ็มจีเอ็กซ์ (MGX) เป็นแกนหลัก ขณะที่ไบต์เดนซ์จะถือหุ้นเพียงประมาณ 19.9% 

โดยสำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า บริษัทร่วมทุนที่ว่านี้ อาจจะมีมูลค่าสูงถึง 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 440,000 ล้านบาท

ขณะที่บทบาทของบริษัทแม่จากจีน นายโจว ซือ ชิว ระบุว่า บริษัทร่วมทุนจะรับผิดชอบด้านการคุ้มครองข้อมูลของสหรัฐฯ ความปลอดภัยของอัลกอริทึม การควบคุมเนื้อหา และการรับรองซอฟต์แวร์ รวมถึงการคัดกรองเนื้อหาในประเทศอย่างเป็นอิสระ” ตามการรายงานของสำนักข่าว NBC ทั้งหมดนี้เพื่อคลายข้อกังวลรัฐบาลสหรัฐฯ และลดความเสี่ยงการแบน TikTok จากสหรัฐฯ ซึ่งมีฐานผู้ใช้กว่า 170 ล้านคน

ด้าน แดน ไอฟ์ส (Dan Ives) นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีอาวุโสจากบริษัทหลักทรัพย์เว็ดบุช (Wedbush Securities) กล่าวว่า “นี่คือดีลที่กำหนดอนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ หากผ่านการอนุมัติ ทุกอย่างจะเปลี่ยนจากความไม่แน่นอนไปสู่การมีเสถียรภาพทางธุรกิจมากขึ้น” พร้อมประเมินว่าหลังจากนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ อาจใช้โมเดลเดียวกันเป็นต้นแบบสำหรับแพลตฟอร์มต่างชาติ รายอื่นในอนาคตด้วย

จากสถานการณ์ในขณะนี้ยังต้องรอการตรวจสอบขั้นสุดท้ายจากฝ่ายกำกับดูแลสหรัฐฯ โดยคาดว่าจะปิดดีลได้อย่างเป็นทางการภายในเดือนมกราคม 2569 หากผ่านความเห็นชอบทั้งหมดสำเร็จ

ติ๊กต๊อก (TikTok) คือแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นยอดนิยม ที่เปิดให้ผู้ใช้งานสร้างและเลื่อนดูคลิปบันเทิง ข่าว และเทรนด์ไวรัลต่าง ๆ ซึ่งมีผู้ใช้งานมากกว่า 1,600 ล้านคนทั่วโลก ต้องต่อสู้กับรัฐบาลสหรัฐฯ มาอย่างยาวนาน โดยถูกอ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคง จนถูกบังคับให้ขายกิจการในสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการที่แอปวิดีโอสั้นนี้ได้อยู่ต่อ