นากอร์โน-คาราบาฮ์ระอุอีก ขีปนาวุธถล่มดับ12ศพ อาเซอร์ไบจานซัดฝีมืออาร์เมเนีย
![นากอร์โน-คาราบาฮ์ระอุอีก ขีปนาวุธถล่มดับ12ศพ อาเซอร์ไบจานซัดฝีมืออาร์เมเนีย](https://cms.dmpcdn.com/contentowner/2020/03/25/20dd56b0-6e5a-11ea-b8a2-09037777d4af_original.png)
![นากอร์โน-คาราบาฮ์ระอุอีก ขีปนาวุธถล่มดับ12ศพ อาเซอร์ไบจานซัดฝีมืออาร์เมเนีย](https://cms.dmpcdn.com/news/2020/10/17/645836b0-1046-11eb-a9f7-ad53cf97df92_original.jpg)
วันที่ 17 ต.ค. ตาสส์ และ อาร์ไอเอ โนวอสตี รายงานความคืบหน้าสมรภูมิ ดินแดนนากอร์โน-คาราบาฮ์ หรือ สาธารณรัฐอาร์ทซัค ในแถบเทือกเขาคอเคซัส ที่ดูจะเริ่มกลับมาระอุอีกครั้ง เมื่อเกิดการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่เมืองแกนจาของอาร์เซอร์ไบจาน ราว 01.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิต 12 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 40 คน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานและยานพาหนะเสียหาย
สถานีโทรทัศน์ AzTV สื่อทางการอาเซอร์ไบจาน รายงานว่า เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างน้อย 3 ครั้ง ขณะที่นักข่าวตาสส์ในพื้นที่รายงานว่า ขีปนาวุธลูกแรกตกใส่อาคารที่อยู่อาศัยของเอกชน บ้านราว 20 หลัง ถูกทำลาย และโรงเรียน 1 แห่ง เสียหาย ส่วนลูกที่สองทำให้พื้นดินเป็นหลุมขนาดเล็กกว่าอันแรก
ทางการอาเซอร์ไบจานแถลงว่า เมืองแกนจาถูกโจมตีด้วย ขีปนาวุธปฏิบัติการ-ยุทธวิธี "สกั๊ด" (แอร์-17) จากฝั่งอาร์เมเนีย แต่กระทรวงกลาโหมอาร์เมเนียปฏิเสธข้อครหาดังกล่าว
การนองเลือดเกิดขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เชิญ นายเจย์ฮุน เบย์รามอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซอร์ไขจาน และ นายโซห์ราบ เอ็มนัตสกาเนียน รัฐมนตรีต่างประเทศอาร์เมเนีย ที่กรุงมอสโกของรัสเซีย เมื่อวันที่ 9 ต.ค. เพื่อบรรลุข้อตกลงหย่าศึกชั่วคราว ด้วยการเจรจาบนโต๊ะกลมเกือบ 11 ชั่วโมง